'สันธนะ' บอก 'จักรทิพย์' คิดให้ดีถอดยศฟ้องกลับ ม.157
"สันธนะ" ไม่ห่วงยึดทรัพย์ ยันทรัพย์สินได้มาถูกต้องพร้อมปักหลักสู้ หากหมายเรียกแจ้งข้อหาเพิ่มอีกจากผู้ค้าร้องทุกข์ 22 ราย พร้อมยกเคสชุมนุม พธม. เตือน สตช. คุมชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง 22 พ.ค.ไม่ซ้ำรอย
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 21 พ.ค.61 พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมือง เดินทางมาให้กำลังใจ ผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตรวม 260 รายซึ่งเดินทางมารับเงินเยียวยาตามผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดวันที่ 31 ม.ค.61 คดีเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51
โดย พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวถึงเหตุการณ์ชุมนุมดังกล่าวว่า เป็นผลพวงการกระทำของอำนาจรัฐ ซึ่งตนก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น รวมทั้งเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ 19 พ.ค.53 ที่มีผู้เสียชีวิต 99 คน ตนเข้าใจในความสูญเสีย และขอแสดงความเสียใจ โดยเฉพาะคดีของ พธม.ที่ใช้เวลากว่า 10 ปีกว่าจะพิสูจน์ได้ซึ่งกระบวนการของศาลต้องเป็นที่ประจักษ์และยอมรับ อยากให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ สตช.ต้องเข้าไปดูแลการชุมนุมของประชาชนที่จะเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งอาจรวมถึงการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เนื่องวันที่ครบรอบการรัฐประหารของ คสช.ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ สำหรับตนซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 7 ต.ค. 51 เหมือนกัน แต่ตนก็จะไม่หมอบไม่คลานไปศูนย์กลางอำนาจ เพื่อไม่ให้ใครต้องมาเดือดร้อน
ขณะที่ พ.ต.ท.สันธนะ ยังให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีกรรโชกทรัพย์ด้วยว่า ทุกวันนี้สังคม และสื่อก็ทราบถึงการปฏิบัติผู้มีอำนาจ ซึ่งได้มีคำสั่งให้ออกหมายเรียกบิดา และมารดาของตน ในข้อหาให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา โดยพนักงานสอบสวนผู้ที่ทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจสักวันจะได้รู้ว่าคนที่สั่งคุณจะมีความรับผิดชอบแค่ไหนเพราะเชื่อว่าสุดท้ายถ้ามีเหตุการณ์ฟ้องกลับผู้บังคับบัญชาของคุณก็จะต้องปัดป้องตัวเองว่าไม่เกี่ยว การออกหมายเรียกดังกล่าวเป็นเรื่องของ สน.โชคชัย ซึ่งออกหมายเรียกแล้วส่งเจ้าหน้าที่มาถึงหน้าบ้านแต่สุดท้ายกลับมาให้ข่าวบอกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดส่วนเอกสารหมายเรียกในวันนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ส่งมอบเป็นแค่การสอบถามว่าบิดาและมารดาตนอยู่ในบ้านหรือไม่ ในเรื่องคดีความส่วนตัวก็จะดำเนินการต่อ ที่มีข่าวว่าจะออกหมายเรียกตนไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากที่มีผู้เข้ามาร้องทุกข์จำนวน 22 รายตนก็พร้อมที่จะไปรับทราบข้อกล่าวหาซึ่งตนขอให้แจ้งข้อกล่าวหามาเดียวเลย ไม่ใช่แจ้งข้อหามาแค่ 8 ข้อแล้วจะมาทยอยเพิ่มมาที่ละข้อหา โดยตนพร้อมตั้งรับปักหลักสู้ต่อ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้รับหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการมาหรือไม่ พ.ต.ท.สันสนะ กล่าวว่า ตนได้รับทราบจากคนของตนว่าจะมีการออกหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหา ส่วนรายละเอียดข้อหาและวันเวลาตนขอดูรายละเอียดอีกครั้ง โดยจะนัดให้ไปพบวันไหนหากตนไม่ติดคดีอื่นก็พร้อมที่จะไปแน่นอน ตนทราบอยู่แล้วว่าข้อหาที่จะแจ้งเพิ่มนั้นมันมีธงอยู่แล้วที่จะแจ้งข้อล่าวหาตนให้ครบองค์ประกอบว่าเป็นอั้งยี่ซ่องโจรเพื่อที่จะยึดทรัพย์กฎหมายฟอกเงิน แต่ตนก็ไม่สนจะยึดทรัพย์ก็ยึดไปเพราะทรัพย์สินนั้นมีมาก่อนทั้งสิ้น ในช่วง 4 ปีที่
ส่วนจะดำเนินการฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พ.ต.ท.สันสนะ กล่าวว่า ขณะนี้ยังรอว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตนมาอีกหรือไม่ จึงจะพิจารณาฟ้องกลับแต่ละคนซึ่งจะมี 3 นายพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตนมาอยู่ด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องตนก็จะฟ้องกลับทีเดียวจะได้ไม่เป็นภาระของศาลที่จะต้องมารวมคดีภายหลัง ซึ่งคดีที่จะฟ้องพวกคุณจะโดนต่างกรรมต่างวาระของจริง
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สันธนะ ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะเสนอให้มีการถอดยศด้วยว่า เรื่องถอดยศเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. ตามกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนไม่เคยต้องคำพิพากษาให้โทษจำคุกมีแต่คดีที่เสียค่าปรับซึ่งก็ได้เสียค่าปรับแล้วก็จบกันไป ส่วนที่จะมีการรื้อฟื้นวินัยที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็ต้องคิดด้วยว่า ผบ.ตร.ก่อนหน้านี้ไม่เคยนำเรื่องดังกล่ามาเสนอถอดยศ แต่ถ้าพล.ต.อ.จักทิพย์ มาเสนอถอดยศตนจากกรณีที่มีคดีในปัจจุบันตนก็จะดำเนินการฟ้องกลับอดีต ผบ.ตร. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วยเพราะที่ผ่านมาเหตุใดไม่ถอดยศตนแต่แรก แต่พอมามีเรื่องนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ กลับมาถอดยศตน ซึ่ง อดีต ผบ.ตร.ที่ผ่านมาจะเดือดร้อนกันหมด ดังนั้นขอให้คิดให้ดี