'อัศวิน' เผยไร้สัญญาณเตรียมรับมือม็อบ 'คนอยาก ลต.'

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเตรียมเคลื่อนขบวนจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ มายังทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.) นี้ว่า ทางรัฐบาลไม่ได้มีการประสานอะไรมายัง กทม. ไม่ว่าจะเป็นรถดับเพลิง หรือ ไฟส่องสว่าง รายละเอียดทั้งหมดขอให้ไปถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยืนยันว่าทุกอย่างไม่มีปัญหาสามารถแก้ไขได้ทั้งหมด และนายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ

เมื่อถามว่า ในส่วนของ กทม. มีความเป็นห่วงสถานการณ์ใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า แก้ไขได้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ขณะที่นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ในช่วงที่มีการชุมนุมดีอีได้ติดตามความเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์และสื่อโซเชี่ยลมีเดียว่า พบว่ามีปลุกปั่นแต่ยังอยู่ในระดับปกติ โดยแนวทางที่จะต้องปฏิบัติคือการสร้างความเข้าใจ และดูแล พร้อมขอความร่วมมือผู้ที่ไม่หวังดีอย่าสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS) ที่ตึกภักดีบดินทร์ เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและมีเสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะ ทางนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีการหารือเป็นการส่วนตัวที่ห้องรับรองวนาสิริภายในตึกภักดีบดินทร์ จนถึงเวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินออกจากห้องรับรองเพื่อเดินกลับไปยังห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า

เมื่อผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายกฯถึงการรับมือสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แต่ปรากฎว่ามีฟ้าผ่าเสียงดังสนั่นในขณะนั้น นายกฯจึงกล่าวว่า "เห็นไหมฟ้าผ่าแล้ว ก่อนที่จะชี้ไปที่ตัวเองและกล่าวว่า "แต่นี่แรงกว่าฟ้า" ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อปฏิบัติภารกิจต่อ

รายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่าสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีเลื่อนการเดินทางไปเยือน กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม กระทันหัน เนื่องจากนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอให้เลื่อนการเดินทางออกไป เนื่องจากกังวลการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในประเทศ ที่ยังเกิดความวุ่นวาย ซึ่งอาจจะถูกต่างประเทศตั้งคำถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทยได้