เปิดตัว WeLearn ทางเลือกใหม่แห่งการเรียนรู้

เปิดตัว WeLearn ทางเลือกใหม่แห่งการเรียนรู้

 กระตุ้นศักยภาพผู้เรียน ตอบโจทย์ความสนใจเฉพาะบุคคล ปูทางสู่ความสำเร็จในโลกยุคดิจิทัล ..เปิดตัว WeLearn ทางเลือกใหม่แห่งการเรียนรู้

 WeLearn รุกการศึกษาเมืองไทย ชูระบบการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ผสานจุดแข็งของโปรแกรมการเรียนจากสถาบันชั้นนำทั่วโลก พร้อมศูนย์การเรียนรู้และทีมงานมากประสบการณ์จากทั้งในและต่างประเทศ ให้คำปรึกษาแนะนำ เน้นความคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะแห่งอนาคตต่อยอดสู่การสร้างนวัตกรรม พัฒนาศักยภาพเยาวชนรุ่นใหม่ก้าวสู่โลกยุคดิจิทัล

3

นายเดวิด ดี. โดแรน ผู้ก่อตั้ง (Founding Father) WeLearn (วีเลิร์น) แหล่งการเรียนรู้ครบวงจร เปิดเผยว่า ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและการเติบโตของสื่อดิจิทัลส่งผลให้รูปแบบการศึกษาของเยาวชนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงจากการเรียนด้วยการรับความรู้ฝ่ายเดียวไปสู่การเรียนเพื่อประยุกต์ใช้ความรู้อย่างสร้างสรรค์และชาญฉลาด ค้นคว้าอย่างไม่รู้จบและคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหา อีกทั้ง การค้นหาความรู้จากอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดายและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ผู้เรียนสามารถรวบรวมความรู้ได้ภายในเสี้ยววินาที ส่งผลให้วิธีการป้อนความรู้ให้ผู้เรียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการพัฒนาทักษะของผู้เรียนยุคใหม่ ดังนั้น จึงต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการศึกษาโดยให้อิสระแก่ผู้เรียนในการเลือกหลักสูตรตามความสนใจ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ได้อย่างสร้างสรรค์และชาญฉลาด

4

นายเดวิด กล่าวเพิ่มเติมว่า สื่อการเรียนออนไลน์ที่มีคุณภาพในปัจจุบัน ทำให้การเรียนแบบเน้นความสนใจเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) มีความเป็นไปได้ในราคาที่ไม่สูงนัก แต่การเรียนออนไลน์เพียงอย่างเดียว ผู้เรียนอาจขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะการปรับตัวและการทำงานร่วมกับผู้อื่น WeLearn จึงเข้ามาตอบโจทย์สำคัญในการผนวกการเรียนแบบเฉพาะบุคคลเข้ากับการเรียนรู้แบบร่วมมือกันสร้างโครงงาน ด้วยแนวคิดในการก่อตั้ง WeLearn ให้เป็นสถานที่ที่พร้อมสำหรับการเรียนรูปแบบใหม่นี้

5

“Global Newswire (แหล่งข่าวด้านการเงินและการลงทุนแนวหน้าของอเมริกา) ได้คาดการณ์ไว้ใน Global      E-Learning Market Analysis & Trends – Industry Forecast to 2025 ไว้ว่าตลาดการศึกษาออนไลน์ทั่วโลกเติบโต 7.2% CAGR (Compound Annual Growth Rate หน่วยวัดการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี) ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า และจะได้รับความสนใจมากขึ้น ประกอบกับมีแนวโน้มความต้องการปัจจัยสนับสนุนเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียน เช่น หลักสูตรที่เฉพาะเจาะจง การสอนแบบตัวต่อตัว สถานที่เรียน เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่ง WeLearn ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างลงตัว” นายเดวิด กล่าว

6

จุดแข็งของ WeLearn คือ การให้คำปรึกษา แนะนำ และประเมิน เพื่อเลือกหลักสูตรระดับมัธยมที่เหมาะกับศักยภาพและความสนใจของนักเรียนแต่ละคน ซึ่งเป็นหลักสูตรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำและสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง เช่น  มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ (John Hopkins University) มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิสซูรี (University of Missouri) มหาวิทยาลัยอินเดียน่า (Indiana University) และมหาวิทยาลัย  เนบราสกา (University of Nebraska) เป็นต้น โดยใช้สื่อการเรียนออนไลน์นี้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการจัดตั้ง WeLearn Mastery Center and Innovation Lab เน้นการเรียนรู้ที่เปลี่ยนบทบาทของนักเรียนจากผู้รับความรู้ (passive) ให้เป็นผู้สร้างความรู้ (active) นำความรู้สู่กระบวนการวิเคราะห์  ทดลอง ร่วมงานเป็นทีม เพื่อสร้างสรรค์และมีประสบการณ์ใหม่ร่วมกัน

7

 WeLearn ใช้งบประมาณ 15-20 ล้านบาท ในการสร้างศูนย์ WeLearn Mastery Center and Innovation Lab ที่ชั้น 2 อาคารมณียา เซ็นเตอร์ โดยแบ่งเป็น โซนการเรียน (The Brainery) คือ พื้นที่การเรียนรายบุคคลหรือเรียนเป็นกลุ่ม โซนคาเฟ่ (Collaboration Café) คือ พื้นที่การทำกิจกรรมร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จินตนาการ วางแผนสร้างสรรค์นวัตกรรม และโซนอินโนเวชั่นแลป (Innovation Lab) คือ พื้นที่การทดลอง ค้นคว้า สร้างสรรค์จินตนาการ ประกอบด้วย ห้องวิดีโอ ห้องเทคโนโลยีเสมือนจริง AR/VR ห้องสื่อด้านเสียง ห้องหุ่นยนต์และการพิมพ์ 3 มิติ               (3D Printing) ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงลานศิลปะประดิษฐ์และลานกิจกรรมที่กว้างขวาง

นายเดวิด กล่าวถึงกลุ่มเป้าหมายของ WeLearn  ว่า ครอบคลุมกลุ่มนักเรียนโรงเรียนรัฐบาล เอกชน นานาชาติ และนักเรียนโฮมสคูล โดยแบ่งเป็น 2 โปรแกรมหลัก คือ

  1. Exploration และ Discovery Membership สำหรับนักเรียนที่เข้ามาใช้บริการต่าง ๆ ของศูนย์ฯ รวมถึงเรียนหลักสูตรเสริมทักษะพิเศษ เช่น การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทักษะการเป็นผู้นำ ทักษะผู้ประกอบการ Startup การทำการตลาดด้วยสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย การฝึกสมาธิและบริหารความเครียด และความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นต้น โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 24,000 – 60,000 บาทต่อปี
  2. Independence Program สำหรับนักเรียนที่สนใจเรียนเต็มรูปแบบ (Full time) ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกหลักสูตรเรียนจากสถาบันชั้นนำที่เหมาะสมกับความสนใจของนักเรียนแต่ละคน โดยทีมที่ปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด สามารถใช้บริการต่าง ๆ ของศูนย์ฯ ได้อย่างไม่จำกัด โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 130,000 – 480,000 บาทต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับหลักสูตรการเรียน

    1_1

“ความสำเร็จของ WeLearn ไม่เพียงแค่ต้องการความเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังตั้งเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่การเป็นกิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise โดยมุ่งส่งเสริมการพัฒนาและสร้างความเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา เพื่อยกระดับการเรียนรู้ของเยาวชนไทยและเอเชียให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน” นายเดวิด กล่าว