วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียว“จีน่า แฮสเปล”นั่งผอ.หญิงซีไอเอ

วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียว“จีน่า แฮสเปล”นั่งผอ.หญิงซีไอเอ

คณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำวุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 10-5 ให้การรับรองนางจีน่า แฮสเปล อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหญิงคนแรกของซีไอเอ

คณะกรรมาธิการดังกล่าวประกอบด้วยกรรมการ 15 คน โดยเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน 8 คน และสมาชิกพรรคเดโมแครต 7 คน โดยนางแฮสเปลได้รับเสียงสนับสนุนจากกรรมการที่เป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันทั้ง 8 คน รวมทั้งกรรมการจากพรรคเดโมแครต 2 คน

วุฒิสภาเต็มคณะจำนวน 100 คนจะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อลงมติให้การรับรองนางแฮสเปล

ทั้งนี้ นางแฮสเปลได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอ และคณะกรรมาธิการดังกล่าวได้ทำการซักฟอกนางแฮสเปลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนที่จะลงมติในวันนี้

ก่อนหน้านี้ มีวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งที่แสดงการคัดค้านการแต่งตั้งนางแฮสเปล เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งคุกลับในไทยในปี 2545 เพื่อคุมขังและทรมานนักโทษของซีไอเอที่พัวพันกับการก่อการร้าย และมีการทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทรมานนักโทษ  และในการชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นางแฮสเปลยืนยันว่าจะไม่นำวิธีทรมานนักโทษกลับมาใช้อีก และแม้ปธน.ทรัมป์ออกคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ขัดต่อจริยธรรม ก็จะไม่ปฏิบัติตาม

“ซีไอเอ ได้เรียนรู้บทเรียนราคาแพง โดยเฉพาะเมื่อถูกร้องขอให้ทำภารกิจที่อยู่นอกเหนือความเชี่ยวชาญของเรา” นางแฮสเปลกล่าว

นางแฮสเปลระบุว่า ซีไอเอ ไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินโครงการกักตัวและสอบสวนผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หลังเหตุการณ์โจมตีสหรัฐในวันที่ 11 ก.ย.2544

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวกังวลว่าประวัติการทำงานในฐานะรองผู้อำนวยการซีไอเอของนางแฮสเปล อาจสร้างปัญหาต่อวุฒิสภาในการลงมติให้การรับรองนางแฮสเปลดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอ

สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้เรียกตัวนางแฮสเปลเข้าพบเพื่อสอบถามเกี่ยวกับประวัติการทำงานที่ผ่านมาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคุกลับในไทย ซึ่งมีการใช้โค้ดลับ “Cat’s Eye” เพื่อคุมขังนักโทษของซีไอเอ ที่พัวพันกับการก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่มอัลกออิดะห์

มีรายงานว่านางแฮสเปล ให้การสนับสนุนการทรมานนักโทษในคุกลับดังกล่าวเพื่อให้คายความลับออกมา โดยวิธีซึ่งเป็นที่นิยมคือการทำ waterboarding โดยให้นักโทษนอนหงาย ขณะที่ผู้คุมจะเอาผ้าชุบน้ำวางบนหน้านักโทษ พร้อมกับเทน้ำลงบนหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการสำลักน้ำ ขณะที่น้ำไหลเข้าสู่จมูกและปาก ซึ่งจะทำให้นักโทษอยู่ในสภาพเหมือนกับกำลังจมน้ำ โดย ซีไอเอเชื่อว่าเมื่อนักโทษทนการทรมานด้วยวิธีนี้ไม่ไหว ก็จะยอมเปิดเผยความลับทุกอย่างที่ซีไอเอต้องการ