นายกฯลั่นเวลานี้ไทยมีเสถียรภาพมากที่สุด!!!

นายกฯลั่นเวลานี้ไทยมีเสถียรภาพมากที่สุด!!!

นายกฯ ลั่นเวลานี้ไทย มีเสถียรภาพมากที่สุด ย้ำ “เลือกตั้ง” ต้นปีหน้า เผยระหว่างนี้อยากให้ “โสมขาว” มาลงทุนให้ได้ก่อน ยาหอมยังมีโอกาศในไทยอีกมาก แจงไม่ได้เป็นฐานการลงทุนให้เฉพาะ “จีน-ญี่ปุ่น”

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.61 เวลา 13.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเพค อุน-ยู (H.E. Mr. Paik Ungyu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงานเกาหลีใต้ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ก่อนนำคณะนักธุรกิจเกาหลีใต้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตึกสันติไมตรี ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เกาหลีใต้ โดยนายเพค อุน-ยู กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน มีความสามารถในการเจริญเติบโตตามวิสัยทัศน์ 4.0 ทั้งนี้ ขอให้นักธุรกิจชาวเกาหลี ทำหน้าที่เป็นพระเอก นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ 2 ประเทศ

ขณะที่นายประธานกลุ่มเมคยอง มีเดีย กรุ๊ป ผู้จัดงาน Maekyung Thailand Forum กล่าวว่า อยากขอให้รัฐบาลไทยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ 1.อำนวยความสะดวกในการจัดทำวีซ่า ซึ่งจะทำให้มีนักลงทุนเข้ามาในไทยมากขึ้น 2.นักลงทุนชาวเกาหลีใต้มีปัญหาเกี่ยวกับสถาบันการเงินไม่เพียงพอ 3.อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ติดตามสถานการณ์การเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เพื่อแก้ไขปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นักธุรกิจชาวเกาหลีใต้ว่า เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าที่สำคัญอันดับ 10 ของไทย ปีที่แล้ว ประเทศไทยค้าขายกับเกาหลีใต้รวม 12,734 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดว่ายังมีโอกาสที่การค้าขายของเราจะขยายตัวเพิ่มได้อีก เพราะหากดูแนวโน้มมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศแล้ว จะเห็นว่าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มูลค่าการค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยละ 12 จากปี 2559 จึงหวังว่ามูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2563 ตามที่ทั้งสองฝ่ายเคยร่วมกันตั้งเป้าเอาไว้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย 1.มีทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน 2.เป็นประเทศที่เชื่อมต่อทางอาณาเขตพรมแดนกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนมากที่สุด 3.เป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศของอาเซียน 4. เป็นประเทศที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่ดี ที่สุดในคาบสมุทรอินโดจีน 5. มียุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และมีแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ชัดเจน 6. เป็นประเทศที่มีบุคลากรที่มีฝีมือและมีต้นทุนความพร้อมในเรื่องอุตสาหกรรมสนับสนุนต่าง ๆ และ 7. เป็นประเทศที่มีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม มีไมตรีจิตพร้อมจะต้อนรับชาวต่างชาติด้วยความยินดียิ่ง

ในด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศเดินทางไปมาระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางมาไทยมากถึง 1.7 ล้านคน เป็นอันดับ 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวไทย ส่วนนักท่องเที่ยวไทยก็นิยมเดินทางไปเกาหลีใต้มากขึ้น ปีที่แล้วมีจำนวนกว่า 4 แสนคน ซึ่งเป็นผลจากความนิยมชมชอบวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ในหมู่คนไทย ซึ่งตนเห็นว่า ความรู้สึกที่ดีระหว่างประชาชนจากการไปมาหาสู่กันนี้ เป็นพื้นฐานที่ดียิ่งสำหรับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับไทย ในเรื่องความร่วมมือด้านการลงทุนนั้น เห็นว่าการลงทุนของเกาหลีใต้ในไทย ยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก ทั้งนี้ ทราบว่านักธุรกิจเกาหลีใต้ส่วนใหญ่อาจจะมองว่า ไทยเป็นฐานการลงทุนของญี่ปุ่นและจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้นักลงทุนเกาหลีใต้ มีโอกาสการลงทุนในไทยค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นหรือจีน แต่ขอยืนยันว่า ท่านยังมีโอกาสการลงทุนในด้านต่าง ๆ ในไทยอีกมาก

ทั้งนี้ อยากเชิญชวนทุกท่านให้ทำธุรกิจกับไทยมากขึ้น รัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจของท่าน มีนโยบายส่งเสริมการลงทุน มีทิศทางการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมในอนาคต และนโยบายการจัดตั้งเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นโอกาสสำคัญของท่านที่จะลงทุนและทำธุรกิจในประเทศไทย

ส่วน ยุทธศาสตร์ของไทยและหลักการประเทศไทย 4.0 มีความเชื่อมโยงกับแนวนโยบายของประธานาธิบดีมุน แช-อิน เรื่องการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางได้อย่างสอดคล้องและสามารถเต็มเติมระหว่างกันได้อย่างดียิ่ง ขณะที่นโยบาย EEC มีเป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน EEC จะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การลงทุนที่รองรับด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน เป็นฐานอุตสาหกรรม จะเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ที่จะตอบสนองทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต และสร้างความมั่นใจด้วยการรักษาความแข็งแกร่งของ 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พร้อมทั้งเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างพื้นฐาน

"อยากเห็นเกาหลีใต้เข้ามาร่วมมือกับไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่นี้ต่อไปในอนาคตด้วยกัน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เต็มที่มากยิ่งขึ้น รัฐบาลไทยได้แก้ไขกฎหมายการส่งเสริมการลงทุน และออกมาตรการเพื่อเร่งรัดการลงทุนเพิ่มเติม โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยตระหนักดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศ คือทรัพยากรมนุษย์ รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในประเทศ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไทยมีจุดเด่นในเรื่องของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ซึ่งอยู่ใจกลางของภูมิภาค เราพร้อมจะเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในทุกมิติ ตามนโยบายไทยแลนด์ พลัส-วัน ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของเราที่ไม่ต้องการทิ้งใครไว้ข้างหลัง และไทยก็ต้องการหาหุ้นส่วนเพื่อมาร่วมกันพัฒนาประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค และก้าวไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนด้วย หวังว่า เกาหลีใต้จะพิจารณามาร่วมเป็นหุ้นส่วนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกับไทย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคมในการเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย

“ผมขอเรียนว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาที่มีเสถียรภาพมากที่สุด ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เดินหน้าบริหารประเทศตามโรดแม็พ โดยจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงต้นปีหน้า ขณะเดียวกันก็ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ใน การพัฒนาประเทศในระยะยาวหรือแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจและสังคมไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเน้นประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า “ผมขอท่านว่า จากนี้ต่อไปจนกว่าจะถึงก่อนการเลือกตั้ง อยากให้มาลงทุนให้ได้ก่อน มีความร่วมมือกันให้มากขึ้น ที่เหลือแล้วค่อยสานต่อไป ซึ่งเราต้องกำหนดโรดแม็พด้วยกัน พูดคุยเจรจากันให้ดี”