กรมบังคับคดีเร่งศึกษาแนวทางบังคับคดีธุรกรรมเงินดิจิตอล หลังกฎหมายการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลมีผลบังคับใช้
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวเปิดโครงการอบรมให้ความรู้รูปแบบของธุรกรรมเงินดิจิทัล (Crytocurrency) กับเจ้าพนักงานบังคับคดี ว่า การจัดอบรมครั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมรู้ถึงที่มาลักษณะ และรูปแบบของธุรกรรมเงินดิจิทัล นอกจากนี้เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการประกาศใช้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ. 2561 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่19 ) พ.ศ. 2561 รวมทั้งมีการแก้ไขประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการบังคับคดี ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 5 ก.ย. 2560 โดยบัญญัติถึงทรัพย์ที่มีรูปร่างและทรัพย์ไม่มีรูปร่าง ซึ่งมีความชัดเจนในแง่ของกฎหมาย กรมบังคับคดีจึงต้องเร่งวางรูปแบบต่อไปว่า เงินดิจิตอลหรือทรัพย์สินดิจิตอล จะนำมาบังคับคดีได้หรือไม่
น.ส.รื่นวดี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กรมบังคับคดีเป็นเจ้าภาพประชุมสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ จาก 50 ประเทศทั่วโลก หนึ่งในหัวข้อที่หารือคือเรื่องการพัฒนาทรัพย์ดิจิตอลกับการบังคับคดี พบว่าเจ้าพนักงานระหว่างประเทศยังไม่มีกรณีบังคับคดีเงินดิจิตอลและทรัพย์ดิจิตอล อีกทั้งยังไม่เคยมีประเทศไหนทำการอายัด ดังนั้น สิ่งที่ร่วมกันทำคือต้องศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน กรมจึงได้ตั้งคณะทำงานที่มีบุคคลจากหลากหลายอาชีพ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมอยู่ในคณะทำงาน มีหน้าที่ตั้งโจทย์ศึกษาวิจัย, ออกร่างขอบเขตของงาน(ทีโออาร์)หาผู้ทำวิจัย มาทำงานวิจัยว่าเงินและทรัพย์ดิจิตอลสามารถบังคับคดีได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยภาคบังคับคดีหรือไม่ คาดว่าจะเห็นผลการศึกษาหรืองานวิจัยภายในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งสาเหตุที่ต้องรีบทำเพราะธุรกรรมเปลี่ยนรูปแบบอย่างรวดเร็ว
หากลูกหนี้มีการลงทุนในบิทคอยท์ หรือ คริปโตเคอเรนซี่แล้ว เจ้าหนี้ฟ้องบังคับคดีให้ทำการยึดหรืออายัดทรัพย์สินดิจิตอล เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องมีความเข้าใจ กฎหมายต้องมีความชัดเจนว่าสามารถยึด อายัด และขายทอดตลาดได้หรือไม่ หากดำเนินการไปแล้วจะมีความเสี่ยงในการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เบื้องต้นขอดำเนินการตามแนวทางของคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยจะบังคับคดีเฉพาะคริปโตเคอเรนซี่ที่ลงทุนถูกต้องผ่านกลต.เท่านั้นน.ส.รื่นวดี กล่าว
ด้านนายยรรยง เต็งอำนวย กรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า พรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ส่งเสริมให้คริปโตและบิทคอยน์มีสถานะเป็นเงิน โดยกฎหมาย ให้ความคุ้มครอง และสร้างให้เกิดความน่าเชื่อถือในสังคมไทย ในอดีตถ้าถูกขโมยบิทคอยน์ไปแจ้งความดำเนินคดีไม่ได้ แต่หลังจากกฎหมายบังคับใช้แจ้งความได้ เพราะถือเป็นทรัพย์สินในหน่วยอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ากฎหมายดังกล่าว ออกมาเร็วเกินไปเนื้อหาจึงเน้นไปในเรื่องการจัดเก็บภาษีเท่านั้น ซึ่งกรมสรรพากรจะเข้าไปเก็บภาษี 15% ของกำไรที่ได้จากสินทรัพย์ดิจิตอล เงินในเกมออนไลน์ บิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิตอลต่างๆ ส่วนจะยึดทรัพย์หรือบังคับคดีแตกต่างจากการเก็บภาษี จะต้องมีกฎหมายลูกออกมาเพื่อเทียบเคียงสกุลเงินดิจิตอลกับเงินบาท
นายยรรยง กล่าวอีกว่า เงินดิจิตอลที่ทั่วโลกมีมากกว่า 1,600 สกุลเงิน จะมีรหัสลับล็อคด้วยระบบคริปโตวอลเล็ท เจาะเข้าระบบไม่ได้ ทุบก็ไม่ได้ ถ้าเจ้าของพาสเวิร์ดไม่ยอมบอกรหัสก็ไม่สามารถเข้าไปแกะหรือถอดรหัสได้เลย กฎหมายจึงต้องมีสภาพบังคับให้ลูกหนี้ยอมส่งมอบพาสเวิร์ดเพื่อใช้เปิดกระเป๋าเงินดินจิตอลหรือวอลเลท แล้วโอนทรัพย์มาเก็บรักษาไว้ยังสถานที่ยึดอายัดกลาง ซึ่งจะต้องมีระเบียบหรือกฎกระทรวงเปิดกระเป๋าเงินดิจิตอลเพื่อรองรับการโอนและยึดทรัพย์สินดิจิตอล ตลาดจนระเบียบในการขายทอดตลาด ขณะที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ การบังคับคดีเงินดิจิตอลจึงยังดำเนินการไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่จะมีความผิดเสียเอง
กระบวนการขายทอดตลาดเงินดิจิตอล จะต้องนำบิทคอยน์ไปขึ้นเงินแลกเป็นเงินบาท เพื่อนำเงินบาทไปใช้หนี้ คำถามคือใครจะรับแลกเงินเพราะสถาบันการเงินไม่รับแลกบิทคอยน์ กฎหมายยังไม่พร้อม ออกมาเพื่อเก็บภาษีเพียงอย่างเดียวยังไม่รองรับร้านแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ หน่วยราชการอย่างกรมบังคับคดีรับดำเนินการแลกเปลี่ยนให้ไม่ได้ เพราะอยู่นอกระบบการเงิน กรณีดังกล่าวถ้าจะบังคับคดีต้องโอนบิทคอยน์ไปให้เจ้าหนี้ ขณะนี้ผมเองก็ ยังตอบไม่ได้ว่ากฎหมายจะใช้ช่องทางใดในการบังคับคดี บังคับให้โอนพาสเวิร์ดมาได้แต่ขายทอดตลาดไม่ได้ ขายที่บิทคอยน์เอ็กเชนจ์ก็ผิดกฎหมาย ถ้าทำติดคุก จึต้องไปคุยว่าระหว่างกลต.หรือตลท. ใครจะออกกฎหมายลูก ตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายลูกห้ามแตะเด็ดขาดนายยรรยงกล่าว
นายยรรยง กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยมีคนเอาบิทคอยน์ไปใช้ในทางมิชอบ เพราะคิดเอาว่าไม่มีกฎหมายควบคุม สามารถใช้จ่ายได้อย่างไร้ร่องรอย บิทคอยน์จึงนำไปซื้อขายยาเสพติดหรือซื้อขายอาวุธ แต่การโอนเงินในทุกรายการถูกเก็บบันทึกไว้ทั้งหมด บัญชีนี้ จ่ายเท่านี้ ให้ใคร วันที่เท่าไร แต่การบันทึกมีเพียงตัวเลขเท่านั้น เจ้าหน้าที่ต้องไปแกะรหัสตัวเลขให้เป็น ไอพีแอสเดรส แกะต่อจากไอพีแอสเดรสให้เป็นบ้านและคน ทำให้อาชญากรที่ใช้บิทคอยน์ในการซื้อขายถูกจัดการได้ทั้งหมด
จากสถิติที่เก็บรวบรวมพบว่า บิทคอยน์มีราคาผันผวนอย่างรวดเร็ว ในปี 60 1 บิทคอยน์มีมูลค่า 90,000 บาท ในเดือนส.ค.ราคาขยับเป็น 92,000 บาท ระหว่างสค.-ธ.ค.60 ราคาพุ่งพรวดไปที่บิทคอยน์ละ 590,000 บาท ต่อมา มค.61 ราคาร่วงลงมา 380,000 บาท ปัจจุบัน 1 บิทคอยน์มีราคาอยู่ที่ 310,000 บาท ความผันผวนอย่างรวดเร็ว ทำให้คาดเดาได้ยากว่าอนาคตของบิทคอยน์จะเป็นอย่างไร เปรียบเทียบให้เห็นภาพคงเป็นจตุคามไซเบอร์ ในช่วงฮิตดินก้อนเดียวก็มีมูลค่านับแสนบาท ราคาขึ้นอยู่กับความนิยมของท้องตลาด กระแสบิทคอยน์ทำให้คนที่เคยเฝ้าหุ้นเปลี่ยนมาเฝ้าตลาดบิทคอยน์แทนนายยรรยงกล่าว