เปิดใจอันวาร์ ‘ผมไม่เคยสิ้นหวัง’

เปิดใจอันวาร์ ‘ผมไม่เคยสิ้นหวัง’

อันวาร์ อิบราฮิม เชื่อมั่น มาเลเซียใกล้เข้าสู่ยุคทองรอบใหม่ หลังโค่นรัฐบาลทุจริตลงได้ แนะประชาชนเรียกร้องเสรีภาพทุกหนแห่ง เตือนเลือกตั้งครั้งเดียวไม่ทำให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้

นายอันวาร์ อิบราฮิม แกนนำพรรคยุติธรรมประชาชนที่ถูกจำคุก แล้วจับมือกับอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด โค่นนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคลงได้เมื่อสัปดาห์ก่อน เปิดใจกับแฟร์แฟกซ์มีเดียของออสเตรเลียว่ายุคทองรอบใหม่ของประเทศอยู่ไม่ไกล

“ผมเชื่อในภูมิปัญญาของประชาชนเสมอ และถ้าเราสู้มากพอก็จะชนะในที่สุด ในช่วงที่ประชาธิปไตยทั่วโลกถดถอย ผมหวังว่าชาวมาเลเซียได้ให้ความหวังแก่คนทั่วโลก ให้กู่ร้องหาเสรีภาพแห่งตน”

นายอันวาร์เคยถูกมองว่าเป็นทายาททางการเมืองเตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากนายมหาธีร์ แต่ถูกปลดในปี 2541 และถูกจำคุกในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายและใช้อำนาจโดยมิชอบ ปัจจุบันอายุ 70 ปี ถูกจำคุกอีกครั้งเมื่อปี 2558 ในสมัยนายนาจิบ หลังทำหน้าที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านนำพาพรรคยุติธรรมประชาชนคว้าคะแนนเสียงเลือกตั้งได้มากเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2556

แต่เรื่องพลิกผันเกิดขึ้นเมื่อพรรคของเขารวมพลังกับพรรคของนายมหาธีร์ สร้างชัยชนะช็อกโลกโค่นพันธมิตรรัฐบาลผสมแนวร่วมแห่งชาติ (บีเอ็น) ที่ครองอำนาจนาน 6 ทศวรรษลงไปได้

นายมหาธีร์กล่าวกับวอลล์สตรีทเจอร์นัลเมื่อวันอังคาร (15 พ.ค.) ว่า เขาจะอยู่ในอำนาจเพียง 1-2 ปี จากนั้นจึงส่งมอบตำแหน่งให้กับนายอันวาร์ ที่จะได้รับการปล่อยตัวในวันนี้

เจ้าตัวเผยว่า หลังจากทำงานกับนายมหาธีร์มานานหลายปี เข้าใจว่าอดีตนายกฯ รายนี้ห่วงใจประเทศชาติและประชาชนมาก

“การเป็นพันธมิตรกันจำเป็นมากในการเอาชนะอุปสรรคใหญ่ ระบบทุจริตที่ครอบงำมาเลเซียมานาน” นายอันวาร์กล่าวถึงรัฐบาลนายนาจิบ และว่าประชาชนสนับสนุนวาระการปฏิรูปเสมอมา พรรคเองก็ยึดมั่นในหลักการนี้ และยินดีต้อนรับผู้สนับสนุนกลุ่มใหม่ๆ ความเกลียดชังที่หลายคนข้ามไม่พ้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

ผมไม่เคยสิ้นหวัง

แม้ถูกจำคุก นายอันวาร์ก็ยังจับสัญญาณได้ว่าชาวมาเลเซียไม่พอใจนายนาจิบมากขึ้นทุกที จากข้อกล่าวหาพัวพันการยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ “วันเอ็มดีบี” ที่ทั้งนายนาจิบและกองทุนปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

ส่วนการถูกจำคุกนั้น สิ่งที่เขาลำบากใจที่สุดคือผลกระทบที่มีต่อครอบครัว

“ตอนติดคุกครั้งแรกลูกๆ ยังเล็กอยู่มาก จึงเป็นช่วงเวลายากลำบากสำหรับพวกเขาและอาซีซะห์ (ภรรยา) มันช่างทรมานใจเมื่อเห็นลูกๆ ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพราะการตัดสินใจของคุณ ติดคุกรอบนี้ผมคิดถึงหลานมากที่สุด แต่ในฐานะครอบครัวเราต้องร่วมใจกัน เพราะไม่อยากให้ชาวมาเลเซียต้องเอาเสรีภาพไปเสี่ยง ถ้าพวกเราไม่ได้เตรียมตัวรับความเสี่ยงแบบบเดียวกัน”

“ทุกวันทุกสัปดาห์ที่ผ่านพ้นไป ผมไม่เคยสิ้นหวัง จริงๆ นะ แม้แต่อยู่ในคุก ผมรู้สึกได้เลยว่าความไม่พอใจต่อรัฐบาลทุจริตเพิ่มมากขึ้นทุกวัน”