3ค่ายมือถือตบเท้ารับซองประมูล1800

3ค่ายมือถือตบเท้ารับซองประมูล1800

ประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ส่อแววคึกคัก หลังเปิดขายซองวันแรก 3 ค่ายมือถือใหญ่ตบเท้าขอรับ 5 ซอง เอไอเอส-ดีแทคบริษัทละ 2 ซอง ขณะที่กลุ่มทรูฯ รับไป 1 ซอง “ฐากร” ระบุยังเหลือเวลาให้มารับซองอีก 1 เดือน พร้อมพิจารณาคุณสมบัติก่อนเคาะประมูลวันที่ 4 ส.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า วานนี้ (15 พ.ค.) เป็นวันแรกที่สำนักงานกสทช.เปิดให้เอกชนผู้สนใจสามารถรับเอกสารการประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ โดยเมื่อเวลา 09.00 น.บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เข้ารับเอกสารการประมูล ต่อมาเวลา 09.09 น.บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) เดินทางรับเอกสารการประมูล และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เข้ารับเอกสารเวลา 09.19 น.

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วานนี้ (15 พ.ค.) สำนักงาน กสทช. เปิดให้ผู้สนใจเข้ารับเอกสารการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ เป็นวันแรก และจะเปิดให้รับเอกสารฯ ไปจนถึงวันที่ 14 มิ.ย. 2561โดยวันนี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 รายหลักของประเทศไทย ได้เข้ารับเอกสารการประมูลคลื่นความถี่ฯ โดยกลุ่มบริษัท เอไอเอส รับเอกสารไป 2 ชุด ในนามบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ในเครือ เอไอเอส กลุ่มบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค รับเอกสารไป 2 ชุด ในนามบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (ดีทีเอ็น) และบริษัท ดีแทค บรอดแบนด์ จำกัด (ดีบีบี) ส่วนกลุ่มบริษัท ทรู คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับเอกสารไป 1 ชุด ในนามบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (ทียูซี)

สำนักงาน กสทช. เห็นว่า คลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ยังเป็นที่สนใจของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม เป็นความต้องการของตลาด เพื่อที่จะรองรับการให้บริการโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีคลื่นความถี่เพื่อให้บริการอย่างเพียงพอ

สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ สำนักงาน กสทช. กำหนดให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตในวันที่ 15 มิ.ย. 2561 จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการพิจารณาคุณสมบัติขั้นแรก ระหว่างวันที่ 16-28 มิ.ย. 2561 หลังจากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเป็นผู้เข้าร่วมประมูลภายในวันที่ 29 มิ.ย. 2561 ส่วนในระหว่างวันที่ 1-3 ส.ค. 2561 จะทำการจัด ชี้แจงการประมูล (Information Session) และการทดสอบการประมูล (Mock Auction) สำหรับผู้เข้าร่วมการประมูล และกำหนดจัดการประมูลในวันที่ 4 ส.ค. 2561 ที่สำนักงานกสทช.

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถจัดการประมูลคลื่นความถี่ได้ทันก่อนที่สัญญาสัมปทานระหว่างดีแทค กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.ย. 2561 สำหรับ คลื่นความถี่ย่าน 1800 ที่จะนำมาประมูลครั้งนี้ มีจำนวนทั้งหมด 45 เมกะเฮิรตซ์ โดยกำหนดขนาดคลื่นความถี่ที่จะประมูลออกเป็น 3 ชุดๆ ละ 15 เมกะเฮิรตซ์ต่อ 1 ใบอนุญาต มีการจำกัดเพดานการถือครองคลื่นที่ 40% ของขนาดคลื่นความถี่ที่นำมาประมูล โดยกำหนดราคาเริ่มต้นของการประมูลไว้ที่ 37,457 ล้านบาท และกำหนดหลักประกันการประมูล เท่ากับ 1,880 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาสุดท้ายจากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในครั้งก่อน โดยใช้สูตร N-1 ใบอนุญาตมีระยะเวลาการอนุญาต 15 ปี ราคาที่เพิ่มต่อการเคาะในแต่ละครั้ง 75 ล้านบาท กรณีที่จะมีการทิ้งการประมูลสำนักงาน กสทช. จะยึดหลักประกันการประมูล 1,880 ล้านบาท และการคิดค่าปรับอีก 5,620 ล้านบาท เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท อีกทั้งยังตัดสิทธิ์ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ไม่ให้เข้าร่วมการประมูลด้วย

ด้านทรูมูฟ เอช ส่งผู้แทนเข้ารับเอกสารคำขอรับใบอนุญาตประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในวันนี้ พร้อมชี้แจงว่าเป็นบทบาทหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ควรจะต้องเข้ามารับทราบเงื่อนไขการประมูล เพื่อที่จะไม่เสียโอกาสในการนำกลับไปพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง โดยขณะนี้ได้มีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาภายนอกมาทำการศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุน อย่างไรก็ตามปริมาณคลื่นความถี่ที่ทรูมูฟ เอช มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นคลื่นความถี่ที่หลากหลายและมีแบนด์วิธที่มากถึง 55 เมกะเฮิรตซ์ นั้น มากพอต่อการรองรับการใช้งานของลูกค้าซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 27 ล้านราย และเมื่อประเมินเปรียบเทียบอัตราการใช้งานดาต้าของลูกค้ากับแบนด์วิธที่มี ก็ยังเพียงพอที่จะรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ต่อไปในอนาคต ถึงแม้จะมีจำนวนลูกค้าเพิ่มอีกเท่าตัวก็ตาม สำหรับประเด็นเรื่องกติกาและราคาตั้งต้นคลื่น 1800 ที่กสทช.ได้กำหนดจากราคาสุดท้ายของการประมูลคลื่น 1800 ครั้งที่ผ่านมา นับเป็นราคาเริ่มต้นที่สมเหตุสมผลและทำให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม

ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลของปริมาณคลื่นที่ปัจจุบันทรูมูฟ เอช มีอยู่มากพอที่จะรองรับจำนวนลูกค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทีมผู้บริหารจึงเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีคลื่นความถี่เพิ่มเติมในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามการพิจารณาตัดสินใจเข้าร่วมประมูลจะขึ้นอยู่กับผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาและมติของคณะกรรมการบริษัทที่จะมีขึ้นต่อไป