ราคาน้ำมันดิบพุ่งทำนิวไฮในรอบ 3 ปีครึ่ง

ราคาน้ำมันดิบพุ่งทำนิวไฮในรอบ 3 ปีครึ่ง

เวสต์เท็กซัสทะยานจ่อแตะ 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ใกล้แตะ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวในตลาด และแนวโน้มที่สหรัฐจะทำการคว่ำบาตรอิหร่าน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ ปิดที่ราคา 71.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 1.42% สู่ระดับ 79.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

รายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า สต็อกน้ำมันของกลุ่มประเทศองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ลดลงสู่ระดับ 9 ล้านบาร์เรลเหนือระดับเฉลี่ยรอบ 5 ปี ซึ่งต่ำกว่าระดับ 340 ล้านบาร์เรลเหนือระดับเฉลี่ยรอบ 5 ปีที่ทำไว้ในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว

ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งจะเป็นช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมันที่ยาวนานที่สุดในรอบกว่า 10 ปี โดยได้แรงหนุนจากจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน นอกจากว่าสหรัฐจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่ภายในช่วงเวลาดังกล่าว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน

ขณะนี้ อิหร่านนับเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก โดยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยอิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลงในปี 2558 กับกลุ่มประเทศ P5+1 ซึ่งได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อแลกกับการที่อิหร่านระงับการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์

ทั้งนี้ โอเปก จะประชุมกันในวันที่ 22 มิ.ย. เพื่อทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมัน หลังจากที่มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน