วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (15 พ.ค.61)
ราคาน้ำมันดิบเพิ่ม หลังภาวะอุปทานล้นตลาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังโอเปครายงานว่าภาวะอุปทานล้นตลาดกำลังจะคลี่คลายลง ขณะที่ส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เทกซัสปรับตัวเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ที่ 7.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส
+ โอเปครายงานว่า ปริมาณน้ำมันคงคลังในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Oil Inventories) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และอยู่เหนือระดับ 5 ปีเฉลี่ยเพียง 9 ล้านบาร์เรลในเดือน มี.ค.
+ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเวเนซุเอลา ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.505 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน เม.ย. แตะระดับต่ำสุดในทศวรรษ
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) มีแนวโน้มประบตัวเพิ่มขึ้น 145,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับสูงสุดในรอบประวัติการณ์ที่ 7.18 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน มิ.ย.
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อจากอินโดนีเซีย และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ความต้องการจากเวียดนามเริ่มปรับตัวลดลง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 69-74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 74-79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
- จับตาผลกระทบจากการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง
- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคยังคงเดินหน้าปรับลดลงกำลังการผลิต
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือระดับต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตในสหรัฐฯ ส่งผลให้จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
--------------------------------------
ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
โทร.02-797-2999