MORNING CALL ACTION NOTES (15 พ.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (15 พ.ค.61)

ปรับขึ้นตามตลาดเพื่อนบ้าน

ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ ยังคงทยอยปรับขึ้นต่อจากวันก่อนหน้า หลัง FED เริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ตามตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่สูงตามเป้าหมาย ขณะที่ราคาน้ำมันแม้อ่อนตัวแต่ยังทรงตัวสูง โดยรวมกลุ่ม COM ENERG TRANS PROP หนุน ส่วนหุ้นรายตัวที่มีการรายงานกำไรอ่อนตัวมาหักล้างบางส่วน อาทิ WORK MINT ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,773.10 จุด (+7.17 จุด) Volume 4.8 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -262.74 ลบ.  TFEX Net +5,413 สัญญา ตราสารหนี้ +1,626.59ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย  

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

+ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นจากคำสั่งซื้อเก็งกำไร แม้โอเปกเพิ่มคาดการณ์ผลิตน้ำมัน-สหรัฐเพิ่มการผลิตน้ำมัน

+ ราชกิจจานุกเบกษาประกาศพ.ร.บ.อีอีซีมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.เป็นต้นไป กำหนดให้ภาคตะวันออกเป็นเขตพัฒนาพิเศษ

-อิสราเอล-ปาเลสไตน์ปะทะเดือดสังเวยเปิดสถานทูตสหรัฐจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก  ส่วนชาวปาเลสไตน์เคลื่อนขบวนนับพันคนสู่ฉนวนกาซ่าประท้วงการย้ายสถานทูตสหรัฐมายังเยรูซาเลม

**จับตาการประชุม กนง. ในวันพุธที่ 16 พ.ค. 61

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับขึ้นต่อเนื่องหลายวัน ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น โดยมีปัจจัยลบจาก fund flow ผันผวนมีซื้อสุทธิ/ขายสุทธิสลับกัน  และสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้น คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,762-1,777 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- PSL TTA ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,476 จุด +11.2% ใน 8 วันที่ผ่านมา

- JUBILE ATP30 AGE หุ้น MAI ที่คาดว่าผลประกอบการปี 61 เติบโต

- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 102.5$/Ton +9.7% ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา

- ดัชนี MSCI ประกาศหุ้นเข้าใหม่/ออก แบ่งเป็น 1) Standard Index : LH 2) Small Cap Index : DDD KCE MONO PRM THG TPIPL (ระวังแรงขายทำกำไร KTC BEAUTY GULF ที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่าจะติดโผ)

- หุ้น EEC Play ได้แก่ WHA AMATA EASTW ATP30 QH ORI

- หุ้นที่แจ้งกำไร 1Q61 โดดเด่นเช้านี้ AF (+237%) TWZ (+246%) LALIN (+59%) ILINK (+369%) BCH (+30%) BDMS (+48%) PLANB (+39%)

หุ้นแนะนำพิเศษ

LH Analyst Meeting (ราคาปิด 10.90 Bloomberg Consensus 12.90 บาท)

  • กำไรสุทธิ 1Q61 เติบโตดี 39%YoY อยู่ที่ 2,466 ลบ. เนื่องจาก 1) รายได้โอน +25%YoY +15%QoQ 2) GPM ปรับดีขึ้นสู่ 37% จาก 35% ใน 1Q60 และ 34.8% ใน 4Q60 รับผลดี GPM คอนโดฯ 333 ที่สูงกว่าปกติ 3) %SG&A ลดเหลือ 9.9% จาก 12.3% ใน 4Q60 และ 11.4% ใน 1Q60 4) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน +12.5%YoY (ผลการดำเนินงานเติบโต) -9.7%QoQ (สัดส่วนถือหุ้น LHFG ลดลง) 5) อัตราภาษีเงินได้ลดลง พร้อมแจ้งข่าวดีขายอพาร์ตเม้นท์ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ มีกำไรก่อนภาษีประมาณ 1.3 พันลบ.บันทึก Q2 ปลายงวดมี backlog 1.05 หมื่นลบ.ส่วนที่จะบันทึกภายในปีนี้ 8.4 พันลบ.
  • ความเห็น แนวโน้มกำไร 2Q61 เติบโต QoQ และ YoY จากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายอพาร์ตเม้นท์และยอดขายโครงการแนวราบที่ดีขึ้นมากชดเชยยอดโอนคอนโดฯที่หดตัว ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรกจากมูลค่าโครงการการที่เปิดขายใหม่สูงกว่า การเริ่มดำเนินการโครงการเทอร์มินอล 21 พัทยาราวเดือนต.ค. ทั้งนี้ Bloomberg Consensus แม้คาดกำไรปี 61 อยู่ที่ 9.34 ลบ. -10.76%YoY แต่ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานจากรายได้และผลการดำเนินงานที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง Yield สูง 6-7% PER 11.7 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 16.7 เท่า แนะนำลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล

หุ้นมีข่าว   

·        JKN (ราคาปิด 11.9 ซื้อ ราคาเหมาะสมปี 62 ที่ 17.3 บาท)  รายงานกำไรสุทธิ 1Q61 ที่ 70.7 ลบ. เติบโต 53 %YoY จากการเติบโตของรายได้ค่าสิทธิคอนเทนต์ที่ 327 ลบ. เติบโต 31 %YoY และบริษัทสามารถควบคุมอัตราส่วนคจช.ขายและบริหารต่อยอดขายรวมให้ลดลงเหลือ 13.8 % เมื่อเทียบกับ 1Q60 ที่ 14.7 % ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 20.4 % เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 1Q60 ที่ 17.8 %  โดย 2Q61 จะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายคอนเทนต์ในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งจะคิดเป็น 15-20% ของรายได้รวมทั้งปีคาดผลประกอบการเต็มปี 61 จะยังเติบโตได้ตามที่ฝ่ายวิจัยประมาณไว้ โดยคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 225 ลบ. เติบโต 20 %YoY

·        VCOM (ราคาปิด 3.26 ซื้อ ราคาเหมาะสมอยู่ระหว่างการปรับประมาณการในเชิงลบจากเดิม 4.20 บาท)  รายงานกำไรสุทธิ 1Q61 ที่ 4.2 ลบ. ลดลง  64 %YoY เนื่องจากรายได้จากการขายที่ลดลงเป็น 169 ลบ. -15 %YoY ประกอบกับการแข่งขันในกลุ่มประเทศ CLM สูงขึ้น ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงอยู่ที่ 17.4 % จากปี 60 ที่ 19.5 % อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถเติบโตจากรายได้การให้บริการได้ที่ 95.6 ลบ. +12 %YoY ซึ่งเป็นรายได้ที่แน่นอนกว่ารายได้จากการขาย

·        + DIF กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล แจ้งราคาเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ที่ 13.90 บาทต่อหน่วย เป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/61 กำไรเหลือ 2.72 พันล้านบาท จาก 6.87 พันล้านบาทในไตรมาส 1/60 ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สิน และยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง (ที่มา ข่าวหุ้น)

·        + KTC บอร์ดมีมติแตกพาร์จาก 10 บาทลงมาเหลือ 1 บาท เตรียมขอมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 6 ก.ค.นี้

·        ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยเงินกองทุนแบงก์พาณิชย์ทั้งระบบไตรมาสแรกลดลง 1.79 หมื่นล้านบาท จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ BIS และ อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ลดลงด้วย NPL ทรงตัว สินเชื่อเติบโตดีขึ้น จากสิ้นปีที่ 4.4% มาอยู่ที่ 4.7% โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 10.6% ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่หดตัว  ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองเพิ่มขึ้นส่งผลให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินสำรอง 622 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 20.8 พันล้านบาท และสัดส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 176% (ที่มา ข่าวหุ้น)

·        SEAFCO "ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์" มั่นใจไตรมาส 2/2561 รายได้โตกว่าไตรมาสก่อนหน้า จากความชัดเจนโครงการขนาดใหญ่ และงานในมือทยอยส่งมอบมากขึ้น คาดว่าจะส่งมอบในปี 2561 จำนวน 2,400 ล้านบาท พร้อมเผยอยู่ระหว่างประมูลงานมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น) – กำไร 1Q61 เท่ากับ 52 ลบ. – 14%

·        บอร์ด TRC อนุมัติให้ 2 บ.ย่อย ลงทุนหุ้นเพิ่มทุนอาเซียนโปแตชชัยภูมิ วงเงินรวม 3.2 พันลบ. (SET news)