'ผมไม่ใช่เด็กนาย' พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดใจ ถูกมองใกล้ชิด 'ประวิตร'

'ผมไม่ใช่เด็กนาย' พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดใจ ถูกมองใกล้ชิด 'ประวิตร'

"ผมไม่ใช่เด็กนาย...แค่ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดใจถึงกรณีถูกมองใกล้ชิด "ประวิตร"

ปรากฏตัวเป็นข่าวทุกวัน ทั้งจับโต๊ดเถื่อน ทัวร์ศูนย์เหรียญ แก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ แถมล่าสุดยังไปร่วมแจมจับสันธนะอีก ทำให้หลายคนสงสัยว่า "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รองผบช.ทท.) มีวันหยุดบ้างหรือไม่ หรือเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตลอด 24 ชั่วโมง 

"จริงๆ แล้วผมมีวันหยุดตามระบบการทำงานทั่วไป แต่ก็ต้องปรับเปลี่ยน เพราะคิดว่าอะไรทำแล้วถึงจะมีความสุข เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาจะได้อยากทำ เราเป็นข้าราชการตำรวจ เราก็ไม่สามารถเป็นอาชีพอื่นได้แล้ว เราก็จบที่ข้าราชการตำรวจ ชีวิตผมก็เป็นแบบนี้ ผมไม่ได้บอกว่าผมขยัน แต่การทำงานของผมตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีจนเป็นนายพล ผมทำงานทุกวัน รวมถึงเสาร์-อาทิตย์ วันนี้ก็ยังทำงานอยู่ (วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันนัดสัมภาษณ์)"

'ผมไม่ใช่เด็กนาย' พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดใจ ถูกมองใกล้ชิด 'ประวิตร'

"ตอนเป็นร้อยตำรวจตรี เป็นพนักงานสอบสวน เมื่อก่อนต้องอาศัยทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ที่โรงพัก บรรยากาศเงียบ ๆ มานั่งพิมพ์สำนวน เราจะเอาสำนวนเก่ามานั่งพิมพ์ขณะเข้าเวรไม่ได้ จึงต้องเอาสำนวนเก่ามาพิมพ์ในช่วงวันหยุด พอเติบโตขึ้นมาเราก็ต้องรับผิดชอบเตรียมกำลัง เตรียมความพร้อม เตรียมรองรับประชาชน เพื่อให้ประชาชนคลายทุกข์ เมื่อยศมากความรับผิดชอบก็ต้องมากตามตัว คือถ้ามียศสูงขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ถ้าทำงานไม่หนัก ทำงานไม่เต็มที่ ก็ไม่รู้ว่าจะมาเป็นทำไม" 

 "หลักๆ ก็ชอบออกกำลังกาย ชอบดูหนัง ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา จึงดูหนังอยู่ที่บ้าน แล้วก็ไปทำบุญด้วยส่วนหนึ่ง"

'ผมไม่ใช่เด็กนาย' พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดใจ ถูกมองใกล้ชิด 'ประวิตร'

กับเสียงนินทาว่าเป็น "เด็กนาย" โดยเฉพาะความสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาล คสช. เรื่องนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ อธิบายแบบที่เรียกกันในภาษากฎหมายว่า "ให้การภาคเสธ" 

'ผมไม่ใช่เด็กนาย' พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดใจ ถูกมองใกล้ชิด 'ประวิตร'

"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเองไม่ได้สนิทกับท่าน ผมทำงานตามที่ท่านมอบหมาย ซึ่งในงานตำรวจ หลายๆ ท่านก็มอบหมายผม โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เมื่อมอบหมายความไว้วางใจให้ ผมก็ต้องทำเต็มที่ ผมมองว่าการทำหน้าที่ตำรวจ อยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ อยู่ตำแหน่งไหนก็ได้ แต่ต้องตั้งใจทุ่มเทมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จริงใจในการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งสำคัญ จะอยู่โรงเรียนในร้อยตำรวจ อยู่ในหน่วยอำนวยการ ก็ต้องรักษาหน้าที่ให้ดี ผมเองก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จตลอดเวลา โดนย้ายมาเยอะแล้ว สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เคยโดนมาแล้ว" 

"เมื่อเราทำงาน เรารับราชการ ทุกคนอาจจะไม่ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ แต่ทุกคนมีโอกาสเท่ากัน คือโอกาสในการทำหน้าที่ โอกาสที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาเห็น ผมจะพูดเสมอว่าการทำงานสำคัญที่โอกาส เมื่อมีโอกาสก็ทำให้เต็มที่ เมื่อมีโอกาสมาก เมื่อมีโอกาสอยู่ใกล้กับผู้ใหญ่เยอะ ก็ต้องพยายามทุ่มเทให้กับประชาชน นต้องทำงานให้ประชาชนให้มาก" 

จากความสำเร็จในหน้าที่การงานในระดับที่เรียกว่าใครๆ ก็อิจฉา ติดยศนายพลตั้งแต่อายุ 40 กว่าๆ แถมผ่านการเป็นหัวหน้าหน่วยสำคัญๆ มาแล้ว ทั้งตำรวจท่องเที่ยว หรือแม้แต่ 191 วันนี้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวได้รับการยกสถานะขึ้นเป็นกองบัญชาการ จนมีการแซวกันว่า เป็นการหาเก้าอี้รับผู้บัญชาการที่ชื่อ "สุรเชษฐ์ หักพาล" หรือไม่ ประเด็นนี้ "บิ๊กโจ๊ก" ปฏิเสธอย่างแข็งขัน 

"จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น ผมเป็นผู้การตำรวจท่องเที่ยวก็จริง แต่งานที่ผ่านมาก็พยายามทำให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเป็นที่รักของประชาชน และรับผิดชอบขอบเขตงานการปราบปรามแหล่งผิดกฎหมายในวงจรการท่องเที่ยวทั้งหมด เพื่อทำให้วันนี้ตำรวจท่องเที่ยวไม่ใช่แค่ตำรวจบริการ ไม่ใช่ยืนบริการอย่างเดียว แต่เรามีหน้าที่บริการและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วย จะต้องปราบปรามแหล่งธุรกิจผิดกฎหมาย และวงจรที่กระทำผิดในประเทศไทยทั้งหมด" 

"วันนี้ตำรวจท่องเที่ยวเราต้องทำหน้าที่ใน 2 มิติ คือบังคับใช้กฎหมาย และส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เพราะอย่าลืมว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย มีจำนวน 32 ล้านคน ซึ่งถือว่ามากจริงๆ ฉะนั้นต้องทำให้ตำรวจท่องเที่ยวมีความแข็งแรง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จะได้นำรายได้เข้าสู่ประเทศของเราต่อไป" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว