'พลีชีพยกครัว' ยุทธการสะท้าน ‘สุราบายา’

'พลีชีพยกครัว' ยุทธการสะท้าน ‘สุราบายา’

ครอบครัวชนชั้นกลางของนายดิตา โอปริยันโต ที่ชอบพูดคุยเรื่องท่องเที่ยววันหยุด หลงใหลบทกวี ไม่มีใครคิดว่าเขาและภรรยาจะวางแผนนำลูกทั้ง 4 คน ไปสู่ความตาย

นายโอปริยันโต วัย 48 ปี นางปูจี กุสวาตี ภรรยา และลูก รวมถึงลูกสาวสองคน วัย 9 และ 12 ปี เสียชีวิตทั้งหมดด้วยการโจมตีโบสถ์คริสต์ในสุราบายา เมืองใหญ่อันดับสองของอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ (13 พ.ค.)

เพื่อนบ้านเล่าว่าหัวหน้าครอบครัวซึ่งเป็นพ่อค้ายาสมุนไพรเป็นคนดี ครอบครัวอุทิศตัวให้ศาสนา

“เขาเคยเป็นหัวหน้าชุมชน ผมพบกับเขาที่มัสยิดใกล้บ้านแทบทุกวัน” นายเตาฟิก กานี วัย 60 ปีเพื่อนบ้านเล่าให้สื่อท้องถิ่นฟัง

บัญชีเฟซบุ๊คของนางกุสวาตีวัย 43 ปี มีภาพครอบครัวสุขสันต์ ลูกสาวสองคนสวมฮิญาบสีแดงถือดอกไม้ เธอมีเพื่อนเฟซบุ๊คมากกว่า 250 คน ส่วนใหญ่โพสต์ภาพธรรมชาติ ล่องแพ แมวที่ครอบครัวเลี้ยง แต่ยังเป็นแฟนตัวยงของวงดนตรีเฮฟวี่เมทัลแดนอิเหนา ภาพสุดท้ายโพสต์ไว้เมื่อปี 2557 แต่ตอนนี้กุสวาตีและลูกสาวกลายเป็นมือระเบิดพลีชีพหญิงที่รู้จักตัวตนของอินโดนีเซียไปแล้ว

นอกจากนี้ยังมีอีกสองครอบครัว ที่รู้จักกันและเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสุดโต่งในท้องถิ่น ร่วมกันระเบิดพลีชีพที่ผู้ก่อเหตุเกือบทุกคนเสียชีวิตทั้งหมด

เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นปฏิบัติการก่อการร้ายสะเทือนขวัญรูปแบบใหม่ในประเทศมุสลิมใหญ่สุดของโลก ที่ทั้งครอบครัวล้วนเป็นมือระเบิดพลีชีพ

นับเป็นการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีจากที่กลุ่มเจมาห์อิสลามิยะห์ (เจไอ) ผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีหลายครั้ง รวมทั้งเหตุระเบิดบาหลีในปี 2545 คร่าชีวิตผู้คนกว่า 200 คนเคยทำ

“การใช้ผู้หญิงร่วมก่อเหตุเป็นเรื่องใหม่ โดยเฉพาะมีเด็กๆ เข้ามาร่วมด้วย ในยุคเจไอ ห้ามใช้ผู้หญิงโจมตีเด็ดขาด” นางสาวนาวา นูรานิยาห์ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้งในกรุงจาการ์ตากล่าวและว่า ไอเอสนั้นตรงข้ามกับเจไอ ยินดีต้อนรับให้นักรบหญิงมาร่วมงาน การโจมตีหลายครั้งใช้ผู้หญิงและวัยรุ่นหญิง

“ผู้หญิงมักถูกมองว่าไม่มีพิษมีภัย เจ้าหน้าที่จึงไม่ค่อยเข้มงวดพวกเธอจึงมีประโยชน์ในเชิงยุทธการ” นักวิเคราะห์หญิงกล่าว

เช้าวันอาทิตย์นายโอปริยันโต หัวหน้าครอบครัวขับรถไปส่ง นางกุสวาตีและลูกสาวทั้งสอง ซึ่งสวมชุดนิกอบปิดบังใบหน้า ผูกระเบิดติดเอว เดินเข้าไปในโบสถ์ดิโปเนโกโรแล้วจุดระเบิดตนเองส่วนตัวเขาขับรถบรรทุกระเบิดต่อไปก่อเหตุที่โบสถ์เพนเตคอสตัล

ทางการอินโดนีเซียระบุชื่อนายโอปริยันโตเป็นหัวหน้าเครือข่ายสุดโต่งเจมาห์ อันชารุต เดาลาห์ (เจเอดี) ซึ่งประกาศสวามิภักดิ์ไอเอส

ขณะที่ลูกชายทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ไปยังโบสถ์ซานตามาเรีย จุดระเบิดที่ถือไปเสียชีวิตทันที

นักวิเคราะห์กล่าวว่า คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจได้ยากกับการที่เด็กมีส่วนร่วมก่อเหตุแต่เด็กเองก็คงไม่เข้าใจชะตากรรมของตนเช่นกัน

“อาจเป็นสถานการณ์ในครอบครัวที่ยังเชื่อเรื่องบทบาทหน้าที่ตามประเพณี ที่พ่อมีอำนาจทุกคนต้องเชื่อฟัง เด็กๆ อาจไม่รู้หรือไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น” นายอะเด บานานี นักวิจัยด้านจิตวิทยาสังคม จากศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ตำรวจและก่อการร้ายศึกษา มหาวิทยาลัยอินโดนีเซียให้ความเห็น