ใบสั่งเลนเชนจ์แค่ 4 วัน 'จอมปาด' เกือบแสนราย

ใบสั่งเลนเชนจ์แค่ 4 วัน 'จอมปาด' เกือบแสนราย

กองบังคับการตำรวจจราจร เผยใบสั่งเลนเชนจ์แค่ 4 วัน "จอมปาด" เกือบแสนราย

จากกรณีที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) มีการแถลงข่าว “บก.จร.เอาจริง ดีเดย์ ใช้ระบบตรวจจับรถฝ่าฝืนเปลี่ยนช่องเดินรถในเขตห้าม(Lane Change Camera System)" และสาธิตแสดงการทำงานของระบบดังกล่าว โดยจะเริ่มใช้ระบบดังกล่าวตั้งแต่วันพุธที่ 9 พฤษภาคม เป็นต้นไป เพื่อกวดขันวินัยจราจร โดยเฉพาะกรณีปาดหน้า หรือเบียดเเซง บริเวณทางขึ้นสะพานและทางลงอุโมงค์ลอดทางแยก สร้างปัญหาทำให้เกิดอุบัติเหตุและการจราจรติดขัด จึงได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับ และยังเป็นการลดปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่ โดยการติดตั้งระบบตรวจจับรถฝ่าฝืนเปลี่ยนช่องทางเดินรถในเขตห้าม หรือ กล้องเลนเชนจ์ จำนวน 15 จุดทั่วกรุงเทพฯ แต่ละจุดจะมีกล้อง 4 ตัว ทำงานอัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 พฤษภาคม พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันดีเดย์การดำเนินการของกล้องเลนเชนจ์ ปรากฏว่าทั้ง 15 จุด ที่มีการติดตั้งกล้องรวมยอดผู้กระทำความผิดขับขี่รถฝ่าฝืนเปลี่ยนช่องทางเดินรถในเขตห้าม ขับเบียด ขับแทรก และแซง โดยหลังดำเนินการมาเป็นเวลา 4 วันเต็ม สามารจตรวจจับการกระทำความผิดดังกล่าวจากกล้องเลนเชนจ์ รวม 96,830 ราย ซึ่งพบว่าการกระทำความผิดเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวันมากกว่าเวลากลางคืน คิดเป็นร้อยละ 80 ส่วนรถที่กระทำผิดสูงสุดเป็นรถจักรยานยนต์ รองลงมาเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหรือรถเก๋ง สำหรับจุดที่มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุด คือ อันดับ 1 แยกสามเหลี่ยมดินแดง จำนวน 11,307 ราย รองลงมาเป็นอันดับ 2 คือ สะพานศิริราชด้านอรุณอัมรินทร์ จำนวน 10,932 ราย และ อันดับ 3 บริเวณทางลอดแยกห้วยขวาง จำนวน 10,713 ราย ส่วนจุดที่มีผู้ฝ่าฝืนน้อยที่สุด คือ ทางลอดแยกสุทธิสาร จำนวน 700 ราย