ค่าบาท 'อ่อนค่า' ตลาดเชื่อศก.สหรัฐฟื้น

ค่าบาท 'อ่อนค่า' ตลาดเชื่อศก.สหรัฐฟื้น

บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่า "31.89 บาทต่อดอลลาร์" ในสัปดาห์นี้มีโอกาสที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าจากเงินดอลลาร์พักฐาน

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.89บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากช่วงปิดท้ายสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 31.86 บาทต่อดอลลาร์

ในส่วนค่าเงินบาท เชื่อว่าน่าจะมีแนวโน้มแข็งค่ากลับมาบ้างในสัปดาห์นี้ หลังจากเงินดอลลาร์เริ่มพักฐาน มองว่าตลาดจะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk on) เพราะตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐยังคงชี้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเร็ว

นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประชุมกนง. แม้เราจะเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยในไทย จะเกิดขึ้นเร็วที่สุดในปีหน้า แต่มุมมองเชิงบวกกับการขึ้นดอกเบี้ย หรือผลโหวตที่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย อาจทำให้เงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน มองกรอบเงินบาทวันนี้ 31.84- 31.94 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 31.60- 32.10 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับในสัปดาห์นี้สิ่งที่ต้องจับตาคือ การประชุม กนง. และตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรปและเอเชีย ในวันอังคาร รายงานจีดีพีเยอรมันไตรมาสที่หนึ่งปี 2018 คาดว่าจะขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจขยายตัวช้าลงเริ่มกลับมาเป็นประเด็นที่ต้องระวังหลังการลงทุนชะลอตัวทั่วยุโรป

ตัวเลขค้าปลีกในฝั่งสหรัฐ (US Retails Sales) คาดว่าจะขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนเนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามแผนลดภาษียังหนุนกำลังซื้อ

ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งจีน คาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะยังขยายตัว 6.7% ในเดือนเมษายน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขยายตัว 7.6% ขณะที่การค้าปลีกจะขยายตัว 10.3% ชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตสูงตามปกติ

วันพุธ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่าจะ “คงดอกเบี้ย” ที่ระดับ 1.5% จุดที่น่าสนใจคือเงินเฟ้อทั่วไปที่กลับมาอยู่ในกรอบของธปท.ที่ 1-4% ในเดือนล่าสุดและเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า อาจทำให้กนง. กล้าส่งสัญญาณสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น

วันพฤหัสการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย คาดว่าจะ “ขึ้นดอกเบี้ย” 0.25% ไปที่ระดับ 4.5% เพื่อลดปัญหาความผันผวนของตลาดการเงิน

ในสัปดาห์นี้ นอกเหนือจากตัวเลขเศรษฐกิจ ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วย โดยผู้แทนการค้าของฝั่งจีนจะเดินทางถึงสหรัฐในวันอังคาร เชื่อว่าน่าจะส่งผลดีกับแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ฝั่งเอเชียต้องจับตาไปที่ตลาดมาเลเซียวันทำการแรกหลังจากที่การเลือกตั้งออกมาพลิกความคาดหมายที่อาจเกิดความผันผวน ขณะที่ความเสี่ยงหลักของเศรษฐกิจโลก ยังคงเป็นราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงเป็นตัวเร่งของเงินเฟ้อ และนโยบายการเมืองฝั่งสหรัฐที่ปรับเปลี่ยนไปมาได้ตลอด