หุ้นกลุ่มบริษัทดูแลสุขภาพหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

หุ้นกลุ่มบริษัทดูแลสุขภาพหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. โดยขยับขึ้นเพียง 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากร่วงลง 0.2% ในเดือนมี.ค.

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบริษัทดูแลสุขภาพ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวตำหนิราคายาที่แพงขึ้นแต่ไม่ได้ออกมาตรการเด็ดขาดที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ)และไฟเซอร์ ทะยานกว่า 1%  ส่วนราคาหุ้นบริษัทเมิร์กแอนด์โค ปรับตัวขึ้น 2.8% 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 0.37% ปิดที่ 24,831.17 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 0.17% ปิดที่  2,727.72 จุดและดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.03% ปิดที่ 7,402.88 จุด

เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 2% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน จากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิลและเฟซบุ๊ก

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้น 0.3% โดยการปรับตัวต่ำกว่าคาดของดัชนีซีพีไอ ในเดือนเม.ย.มีสาเหตุจากการชะลอตัวของค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาสุขภาพ แม้ว่าราคาน้ำมันเบนซิน และค่าเช่าบ้านดีดตัวขึ้น

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย. ซึ่งการชะลอตัวของดัชนีราคานำเข้าได้รับผลกระทบจากราคาอาหารที่ลดลง แม้ว่าราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น