'สรรพากร' ดันจดทะเบียนเพิ่มแสนราย

'สรรพากร' ดันจดทะเบียนเพิ่มแสนราย

"สรรพากร" มั่นใจปีนี้ผู้ประกอบธุรกิจบุคคลธรรมดา ยื่นจดทะเบียนรูปนิติบุคคลเพิ่มกว่าแสนราย หลังคณะรัฐมนตรีมีมติขยายระยะเวลาการสนับสนุนออกไปถึงสิ้นปีนี้ เผยหลังจดทะเบียนรายได้เพิ่ม 16%

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบธุรกิจบุคคลธรรมดาเข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพิ่มขึ้นหลักแสนรายในปีนี้ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปนิติบุคคลออกไปจนถึงสิ้นปีนี้

มาตรการดังกล่าวได้ประกาศใช้ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดาเข้าจดทะเบียนในรูปนิติบุคคลเพิ่มขึ้นประมาณ 7 หมื่นราย ปัจจุบันยังมีบุคคลธรรมดาที่ประกอบธุรกิจอยู่ราว 8 แสนราย ในจำนวนนี้ธุรกิจที่ควรจะเข้าจดทะเบียนรูปนิติบุคคล อาทิ ร้านค้าปลีก ร้านทอง ร้านขายยา เป็นต้น
ทั้งนี้มาตรการขยายเวลามาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปนิติบุคคล คือ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องมาจากการโอนทรัพย์สินให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น

ข้อดีของการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ยังมีในเรื่องของการยื่นขอกู้เงินจากสถาบันการเงินด้วย นอกจากนี้ยังมีภาระภาษีที่ต่ำกว่า เนื่องจากสามารถนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ และยังมีฐานภาษีที่ต่ำกว่าอีกด้วย

ทั้งนี้ หลังจากผู้ประกอบธุรกิจบุคคลธรรมดายื่นจดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคลแล้ว กรมฯพบว่า การยื่นแบบแสดงรายได้ของผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้ เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 16% โดยผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 30 ล้านบาท จะมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าผู้ประกอบธุรกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

สำหรับการทำบัญชีเดียวของเอสเอ็มอี จากจำนวนที่ยื่นแสดงความจำนงขอทำบัญชีเล่มเดียวจำนวนประมาณ 4 แสนรายในปี 2559 นั้น หลังตรวจแนะนำไปแล้วกว่า 70% กรมฯพบว่า มีบางรายที่มีความเสี่ยงที่จะไม่ทำบัญชีเล่มเดียว จึงแนะนำให้ทำบัญชีเล่มเดียว เพราะหากไม่ทำบัญชีเล่มเดียวแล้ว ในที่สุดระบบการตรวจสอบที่นำเทคโนโลยีเข้ามาร่วม จะทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้

นอกจากนี้ เงื่อนไขที่กำหนดว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 เป็นต้นไป สถาบันการเงินจะใช้ข้อมูลงบการเงินที่นำส่งกรมสรรพากรเป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและการขออนุมัติสินเชื่อนั้น จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องจัดทำงบการเงินของรอบระยะเวลาบัญชี 2560 ให้ถูกต้อง และสอดคล้องกับสภาพเป็นจริง เพื่อรองรับการดำเนินการของสถาบันการเงิน