สนช. ตั้ง กก.สอบประวัติ 7 ว่าที่กกต. ขีดกรอบทำงาน 60 วัน เปิดรายงาน กก.สรรหา พบ 5 ว่าที่กกต. สายงานแคบ ราชการ-นักวิชาการ ขณะที่ด้านประชาสังคม-วิชาชีพ ไม่ผ่านการเลือก ส่วนด้าน สอบการเงิน-รัฐวิสาหกิจ ไร้เงาผู้สมัคร
ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 คนที่คณะกรรมการสรรหา เสนอชื่อ แบ่งเป็น 5 ชื่อจากการสรรหาและอีก 2รายชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกา
สำหรับรายชื่อคณะกรรมการตรวจสอบประวัติฯ ที่ตั้งมีจำนวน 17 คน อาทิ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้, พล.อ.ธีรเดช มีเพียร, พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์, นายสมชาย แสวงการ, นาย สมพร เทพสิทธา กำหนดกรอบเวลาทำงาน 60 วัน นับจากวันที่ 11 พฤษภาคม นี้เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าถึงเนื้อหาของรายงานการพิจารณาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. ของคณะกรรมการสรรหา มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ บุคคลที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งเป็น กกต. 5 คน ได้แก่ นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด, นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด และ นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ศาสตราการประจำคณะพลังงาน สิ่งแวดล้อและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตามรายงานของคณะกรรมการสรรหา ระบุว่าเป็นผู้ที่ได้รับเสียงเห็นชอบข้างมากของที่ประชุมกรรมการสรรหาฯ ที่ใช้เกณฑ์ลงคะแนน 3 รอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับ ทั้ง 5 ชื่อ ที่ถูกสรรหานั้นมีคุณสมบัติตรงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วย กกต. เพียง 2 ด้านเท่านั้น คือ ผู้มีคุณสมบัติในส่วนราชการตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าไม่น้อยกว่า 5 ปี ประกอบด้วย นายพีระศักดิ์, นายสมชาย, นายอิทธิพร, และ นายธวัชชัย ขณะที่คุณสมบัติ ศาสตราจารย์ของ มหาวิทยาลัย ในประเทศไทยและมีผลงานวิชาการเป็นที่ประจักษ์ ไม่น้อยกว่า 5 ปี คือ นายสันทัด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าตามรายงาของคณะกรรมการสรรหา ที่พบผู้เข้าสมัคร ทั้งหมด 24 คน และผ่านคุณสมบัติ จำนวน 17 คนนั้น มีผู้มาสมัครไม่ครบทุกด้านที่กฎหมายกำหนด โดยขาดผู้สมัครด้านเป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจ ไม่น้อยกว่า 5 ปี, ด้านความชำนาญและ ประสบการณ์ด้านบริหาร การเงิน การคลัง การบัญชี ตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชน ไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งตามเจตนารมณ์ของ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คาดหวังให้เป็นบุคคลที่ช่วยตรวสอบเส้นทางการเงิน และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของนักการเมืองนั้น ไม่พบการยื่นใบสมัครของผู้ใด.
ส่วนอีก 2 ด้านที่มีผู้ยื่นใบสมัคร ได้แก่ ด้านผู้มีคุณสมบัติประกอบวิชาชีพในองค์กรที่มีกฎหมายรอบรับ และทำงานมาแล้วไม่ต่อกว่า 20 ปี สมัครจำนวน 19 คน พบว่ามีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 15 คน และด้านผู้มีคุณสมบัติด้านประชาสังคม ทำงานไม่น้อยกว่า 20 ปี สมัครจำนวน 5 คน พบว่ามีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จำนวน 2 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับการลงคะแนนของคณะกรรมการสรรหาฯ ในรอบแรก ที่ให้กรรมการแต่ละคนเลือกได้ 5 ชื่อพบว่ามีชื่อบุคคลที่ได้รับคะแนน 11 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่คุณสมบัติด้านราชการ ส่วนที่เหลือคือ ภาคประชาสังคม 1 คน และ ภาควิชาชีพ 4 ทำให้กรรมการต้องลงคะแนนเลือกอีก 2 ครั้งและได้ 5 บุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้เป็น กกต. และส่งให้สนช. ลงมติเห็นชอบ.