MORNING CALL ACTION NOTES (11 พ.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (11 พ.ค.61)

เด้ง cover short

ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ อ่อนตัวต่อเนื่องจากกลุ่ม ENERG เป็นหลัก หลังเริ่มมีการโจมตีอิหร่านจากอิสราเอล ตามมาด้วยกลุ่ท COM และ ICT ในสภาวะที่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าหนุนให้ Fund Flow ยังคงมีแนวโน้มไหลออก ขณะที่ได้รับการชดเชยบางส่วนจาก HELTH เป็นผลให้ SET Index ปิดที่ 1,746.89 จุด (-10.01 จุด) Volume 4.91 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -578.77 ลบ.  TFEX Net -249 สัญญา ตราสารหนี้ -1,013.79ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย  

+ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

+น้ำมันดิบปิดบวกโดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลและกองทัพอิหร่าน

+จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 48 ปี และดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

+ส.อ.ท.เผยยอดผลิตรถยนต์เม.ย.โต 11.87% ตามยอดขายในปท.-ส่งออกหนุน

-แบงก์ชาติอังกฤษประกาศคงดอกเบี้ยที่ 0.50% พร้อมหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโต 1.4% ปีนี้ จากระดับ 1.8% ก่อนหน้านี้

-ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เม.ย.61 ที่ 89.1 ลดลงจาก มี.ค.เหตุมีวันหยุดมาก

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 9.47 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทอยู่ที่ 31.97 บาท/USD

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันปรับขึ้น ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ผันผวน  ค่าเงินบาทอ่อนค่า  ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิต่อเนื่อง  คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,740-1,757 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- PTTEP PTTGC ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 71.36 $/bbl

- PSL TTA ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,453 จุด +11% ใน 8 วันที่ผ่านมา

- หุ้น MAI ที่คาดว่าผลประกอบการเติบโต SPA XO MGT

- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 101$/Ton +9% ในช่วง 12 วันที่ผ่านมา

- คาด KTC BEAUTY GULF เข้าคำนวณดัชนี MSCI และลุ้นเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)

- กลุ่มสินค้าส่งออก KCE DELA HANA GFPT TU XO TFG BR ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน 31.97 บาท/USD

หุ้นแนะนำพิเศษ

JUBILE Analyst Meeting (ราคาปิด 25.25 ซื้อ ราคาเหมาะสม 31.65)

  • รายได้งวด 1Q61 ที่เติบโต 8%YoY เกิดจากการเติบโตของยอดขายต่อสาขา (SSSG) ซึ่งเป็นผลจากในใช้ Big Data เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของในแต่ละสาขา ตลอดจนการเพิ่มสินค้า Collection ใหม่ๆ ทั้งสิ้น 3 แบบ คือ Serendipity of Love Serendipity of Luck และThe Rhythm of Nature ในไตรมาสที่ผ่านมาไม่มีการเปิดสาขาใหม่ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 45% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 48% หลังยังคงสามารถใช้สต๊อกเพชรที่มีราคาต่ำ
  • คาด 2Q61 จะยังได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ในไตรมาส 1 แต่ผลบวกจากการเปิดสาขาใหม่ยังอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง คือ กทม. 5 – 7 สาขา และต่างจังหวัด 3 – 5 สาขา นอกจากนี้ใน 2Q61 บริษัทจะจัดงาน Mid-Year Sales เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงกลางปี และ 3Q61 บริษัทยังเตรียมการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะตอบโจทย์ life style ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น
  • โดยรวมยังคาดคาดหวังว่า SSSG ของบริษัทน่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ 10% ด้วยการใช้กลยุทธ์เฉพาะเจาะจงกับพื้นที่ พร้อมกับการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยมองว่าผลประกอบการจะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นเนื่องจากตามปัจจัยฤดูกาลไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่รายได้ต่ำที่สุด โดยกำไร 1Q61 อยู่ที่ 46 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของประมาณเราที่ 204 ล้านบาท (เรายังคงประมาณการตามเดิม)

หุ้นมีข่าว   

·        TPCH รายงานกำไร 1Q61 ที่ 81.3 ล้านบาท +21%YoY เนื่องจากมีการรับรู้โรงไฟฟ้าทั้งหมด 6 โรงกำลังการผลิตรวม 60 MW (โรงไฟฟ้า SGP กำลังการผลิต 10MW COD มี.ค.61) ขณะที่ 1Q60 มีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเพียง 5 โรงกำลังการผลิต 50 MW

·        TOP (ราคาปิด 91.25  Bloomberg Consensus 100.75) รายงานกำไร 1Q61 ที่ 5.6 พันล้านบาท –19%QoQ และ -27%YoY โดยธุรกิจโรงกลั่นกำไรปรับตัวลงลงเนื่องจาก Crude Premium ปรับตัวขึ้นตามอุปทานน้ำมันดิบ แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลจะปรับตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบลดลงจากไตรมาสก่อนเหลือเพียง 3-4 ร้อยล้านบาท ด้านธุรกิจอะโรเมติส์ผลประกอบการปรับตัวลงตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์เบนซีนที่ราคาลดลง 33%YoY

·        PTT (ราคาปิด 56.00  Bloomberg Consensus 54.45)  รายงานกำไร 1Q61 ที่ 39,788 ล้านบาท +12%QoQ แต่ -14%YoY  โดยสาเหตุที่ลดลงเมื่อเทียบกับ 1Q61 เพราะรายได้จากเงินปันผลรับจากเงินลงทุนลดลง อีกทั้งผลประกอบการของกลุ่มอะโรเมติสก์ปรับตัวลงตามส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ ด้านธุรกิจโรงกลั่นผลประกอบการอ่อนตัวลงตามค่าการกลั่นและต้นทุนเพิ่มขึ้นจาก Crude Premium อย่างไรก็ตามผลประกอบการของ PTTEP ปรับตัวดีขึ้นตามราคาน้ำมันและราคาจำหน่ายก๊าซธรรมชาติช่วยหนุนผลประกอบการ

·        + CPN (ราคาปิด77 Bloomberg Consensus 89.45) เข้าซื้อหุ้นบมจ.ดุสิตธานี (DTC) เกือบ 195 หุ้น คิดเป็น 22.93%  มูลค่ารวมประมาณ 2,141.4 ล้านบาทผ่านบิ๊กล็อต ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 2 โดย CPN ไม่มีวัตถุประสงค์เข้าร่วมบริหารงาน ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2560 CPN และ DTC มีแผนร่วมพัฒนาโครงการใหญ่"One Bangkok" บริเวณหัวมุมถนนสีลมและถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นโครงการรูปแบบผสมประกอบด้วยโรงแรม เรสซิเดนซ์ ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน มูลค่าโครงการรวมไม่เกิน 36,700 ล้านบาท โดยเป็นเงินลงทุนของ CPN ไม่เกิน 17,393 ล้านบาท และทยอยลงทุนจนถึงปี 67

·        ADVANC (ราคาปิด 194 บาท Bloomberg Consensus 215.95 บาท)รายงานกำไรเติบโต 4.5%YoY มาที่ 8.04 พันล้านบาท จากรายได้ไม่รวม IC เติบโต 5.7%YoY แม้จำนวนผู้ใช้บริการจะลดลงเล็กน้อยเพียง 5.5 เลขหมาย (จาก 40 ล้านเลขหมาย) แต่ยังมี ARPU ที่เพิ่มขึ้น 5.3%YoY ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น 6.3% แม้มีค่าใช้จ่าย USO ที่ลดลงจากการปรับปรุงเป็นอัตราใหม่ตั้งแต่กลางปี 60 แต่ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นกว่า 17%YoY และค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 17%YoY

·        ความเห็น ผลประกอบการออกมามากกว่าคาดเล็กน้อยราว 2.5% และยังเป็นผู้ประกอบการที่คงส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ แผนการทยอยลดงบลงทุน น่าจะเข้ามาช่วยลดการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคา ปัจจุบันยังมี Upside 11.3% แนะนำ “ซื้อลงทุน”

·        ANAN (ราคาปิด 3.88 Bloomberg Consensus 4.74)โชว์ผลงานเติบโตก้าวกระโดด ไตรมาสแรกมียอดโอน 3,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 72% โกยยอดขาย 6,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% ขณะที่คงเป้าหมายยอดโอนทั้งปีอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 152% จากปีก่อน แถมมี Backlog กว่า 5.36 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง 3 ปีข้างหน้า (ที่มา ทันหุ้น)