พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เดินทางมาประเทศสิงคโปร และมีนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยเข้าพบปะ ว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่เชื่อว่าสังคมจะรับทราบได้ว่านายทักษิณต้องกรหรือมีเป้าประสงค์อย่างไร แต่ส่วนกรณีของนักการเมืองพรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปพบนั้น หากไปในฐานะคนคุ้นเคยและรู้จักกันถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เกิดความเสียหาย ยกเว้นแต่เข้าไปรับนโยบายหรือทิศทางการขับเคลื่อนทางการเมือง รวมถึงการวางแผนต่อการเลือกตั้ง จะถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจได้รับโทษตามกฎหมายพรรคการเมือง ที่มีโทษหนักถึงขั้นยุบพรรค
“หากมีหลักฐานว่านายทักษิณเข้าไปครอบงำกิจการของพรรค หรือชี้นำบุคคลของพรรค ตามกฎหมายพรรคการเมืองเขียนไว้ชัดเจนว่าบุคคลที่ไม่เป็นสมาชิกพรรค บุคคลที่อยู่นอกพรรคไม่สามารถเข้าชี้นำ หรือครองงำกิจกรรมใดๆ ของสมาชิกพรรคได้ พรรคนั้นหรือผู้นั้นถือเป็นความเสี่ยงที่จะได้รับโทษทางกฎหมาย หากมีผู้นำหลักฐานมาฟ้องร้องให้ตรวจสอบตามกฎหมาย” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
พล.อ.สมเจตน์ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่เตรียมชุมนุมใหญ่วันที่ 22 พฤษภาคม หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ลาออกและจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่า การชุมนุมดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อโรดแม็พเลือกตั้งได้ เพราะสิ่งที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องถือเป็นการสร้างปัญหาทางการเมือง และอาจเกิดความวุ่นวายจนทำให้กลายเป็นปัจจัยที่ต้องเลื่อนการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เลื่อนออกไปได้
“ตอนนี้การเลือกตั้งมีความชัดเจนอยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แม้เขาไม่เรียกร้องผมเชื่อว่าต้องเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งกรณีที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องโดยพ่วงประเด็นทางการเมือง ที่ให้ คสช. ลาออก ถือเป็นนัยยที่แสดงให้เห็นว่าเขาพยายามถือเหตุหนึ่งเพื่อนำไปอ้างกับอีกเหตุที่เกินเลยออกไป และ คสช. ไม่มีทางทำตามคำร้องขอได้แน่ ซึ่งกลุ่มที่ชุมนุมเขารู้ดี แต่เขายังมาเรียกร้อง ดังนั้นผมจึงไม่แน่ใจว่ากลุ่มที่ชุมนุมเรียกร้องให้เลือกตั้งโดยเร็ว แท้ที่จริงเขาอยากจะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงหรือไม่” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว.
