เปิดพันธกิจ ‘เอไอ’ ติดปีกธุรกิจ 'ปิโตรเคมี'

เปิดพันธกิจ ‘เอไอ’  ติดปีกธุรกิจ 'ปิโตรเคมี'

ในธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรง เม็ดเงินหมุนเวียนมูลค่าสูงเช่น ผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ โจทย์สำคัญหนีไม่พ้น ทำอย่างไรถึงจะทำให้การทำงานเร็วขึ้น ดีขึ้น ทว่าต้นทุนต่ำลง และคำตอบที่ได้คือ การนำไอทีมาช่วยขับเคลื่อน

ณรงค์ชัย พิสุทธิ์ปัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง กล่าว พร้อมกับเผยว่า การลงทุนทางเทคโนโลยีที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างมากมีทั้งบล็อกเชน และล่าสุดเทคโนโลยี “ปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) โดย "ไอบีเอ็ม วัตสัน" เพื่อพัฒนาการตรวจสอบเอกสาร “เลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit หรือ LC)” โดยนับเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำมาใช้

อย่างไรก็ดี กระบวนการขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบ โดยเริ่มทำการฝึกวัตสันให้ตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขของแอลซีในแนวทางที่ไร้อคติและสอดคล้องกับบริบทของธุรกิจมาตั้งแต่เดือนม.ค. 2561 และอยู่ในขั้นตอนเตรียมการเพื่อเริ่มเปิดใช้งานในเดือนมิ.ย. 2561 ซึ่งต่อไปจะสามารถดำเนินการตรวจสอบแอลซีจากรายการธุรกรรมส่งออกได้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดข้อผิดพลาดและยังช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านแอลซีด้วย ในแผนต้นปีหน้าจะเริ่มต่อยอดไปที่เฟส 2 รวมไปถึงนำไปเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ด้วย

“เราต้องการเป็นผู้นำด้านการค้าและบริการผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์ระดับโลก ดังนั้นจึงได้แสวงหาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถเข้าถึงและสร้างประสบการณ์ด้านการค้าที่เพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้า”

สำหรับสาเหตุที่บริษัทจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการด้านเลตเตอร์ออฟเครดิตสำหรับการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันการค้าโลกมีมูลค่าสูงถึง 334 ล้านล้านดอลลาร์ โดยการค้าภายใต้เงื่อนไขเลตเตอร์ออฟเครดิตมีมูลค่าสูงถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ในการส่งออกผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ไปยังตลาดต่างประเทศของพีทีทีโพลีเมอร์นั้นแอลซีถือเป็นวิธีการชำระเงินหลักที่ช่วยรองรับการขยายตัวการส่งออก

นอกจากนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบแบบฟอร์มแอลซีและเอกสารแอลซีต้นฉบับนั้นเป็นขั้นตอนการทำงานซ้ำๆ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของบริษัทต้องเสียเวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อหนึ่งฉบับ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นก็จะส่งผลให้ต้องมีการตรวจสอบซ้ำและเสียเวลาเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งอาจนำไปสู่ความล่าช้าในการจัดส่งผลิตภัณฑ์ มากกว่านั้นจากเดิมที่นับจากเริ่มดีลจนกระทั่งจัดส่งสินค้าใช้เวลาราว 1-2 สัปดาห์ การนำเอไอมาใช้จะช่วยลดเวลาทำงานลงได้ 2-3 วัน

เขากล่าวว่า วัตสันมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลหลากหลายประเภทโดยไม่จำเป็นต้องผสานรวมกับระบบอื่นเพิ่มเติม ขณะเดียวกันสามารถเข้าใจภาษาเฉพาะของอุตสาหกรรมต่างๆ และใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อช่วยนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างครอบคลุมและง่ายมากขึ้น

นอกจากนี้ ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจภาษาธรรมชาติ (NLU) การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) รวมถึงความสามารถด้านแมชชีนเลิร์นนิง บุคลากรของบริษัทจะสามารถฝึกฝนวัตสันให้ตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ ของแอลซีได้โดยปราศจากอคติเอนเอียง สามารถปรับรูปแบบการทำงานตามบริบทของอุตสาหกรรม โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมหรือใช้ทักษะทางเทคนิคเชิงลึก

ท้ายที่สุดแล้วลูกค้าจะได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น โดยรายการธุรกรรมทั้งหมดจะได้รับการดำเนินการด้วยระบบอัจฉริยะ ทำให้รวดเร็วขึ้นและลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับกระบวนการทางธุรกิจ อันถือเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตและขยายธุรกิจตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2561

สำหรับอนาคตคาดการณ์ว่า จะมีการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมากขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยเอไอจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและยกระดับธุรกิจของบริษัทท่ามกลางกลุ่มคู่แข่ง

การ์ทเนอร์ คาดการณ์ไว้ว่า มูลค่าทางธุรกิจรวมทั่วโลกจากปัญญาประดิษฐ์จะมีมูลค่าสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2561 เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณ 70% ทั้งมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าจะแตะ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2565