'ประยุทธ์' หารือปธน.เมียนมา เร่งเจรจา3ฝ่าย รุกเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

'ประยุทธ์' หารือปธน.เมียนมา เร่งเจรจา3ฝ่าย รุกเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

"นายกฯประยุทธ์" หารือ "ปธน.เมียนมา" พร้อมร่วมมือสร้างเสถียรภาพความมั่นคง เร่งเจรจา3ฝ่าย รุกพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย พัฒนาชายแดน เร่งลงทะเบียนแรงงาน-เฝ้าระวังขนยาเสพติด

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2561 เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือกับ นาย อู วิน มยิน (H.E. U Win Myint) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 32 ที่โรงแรม Shangri-La สาธารณรัฐสิงคโปร์ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับนายอู วิน มยิน ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาคนใหม่ ทั้งระบุว่ารัฐบาลไทยพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลเมียนมาในทุกด้าน โดยเฉพาะในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนเพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนของทั้งสองประเทศ โดยนายกฯ เสนอให้เมียนมาเร่งกระบวนการลงทะเบียนแรงงานให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เฝ้าระวังการลักลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดน และแก้ปัญหาการค้าขายสินค้าผิดกฎหมายตามแนวชายแดน

\'ประยุทธ์\' หารือปธน.เมียนมา เร่งเจรจา3ฝ่าย รุกเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในโอกาสนี้ ไทยและเมียนมายินดีที่ความร่วมมือดำเนินไปอย่างมีพลวัตเป็นที่น่าพอใจในทุกมิติ โดยเห็นว่าในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดไทยและเมียนมาควรสร้างความเชื่อมโยงให้มากที่สุด และต้องเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคด้วย สำหรับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายนั้น นายกฯ ได้ขอให้เร่งการเจรจา 3 ฝ่ายคือไทย เมียนมา และญี่ปุ่น โดยเร็วเพื่อให้โครงการดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองย้ำว่าประเด็นด้านชายแดนจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพื้นที่ จึงขอให้ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป

รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ นายกฯ เห็นพัฒนาการทางบวกและความตั้งใจจริงของเมียนมาในการแก้ปัญหานี้ โดยเห็นว่าควรมุ่งเน้นการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจและมิติทางสังคม ในขณะเดียวกันความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างๆ ประชาคมระหว่างประเทศซึ่งมีความพร้อมทั้งด้านการเงินและทรัพยากรต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมและช่วยสนับสนุนได้ ทั้งนี้ นายกฯ เห็นว่ากระบวนการสันติภาพและกระบวนการปรองดองในเมียนมาเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตย เศรษฐกิจและสังคมของเมียนมา ซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนให้เกิดความมั่นคงของภูมิภาคด้วยเช่นกัน และโอกาสนี้นายกฯ กล่าวว่าไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม ACMECS ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2561 จึงใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีและภริยาเข้าร่วมการประชุม ACMECS ที่กรุงเทพฯ ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย