ที่ประชุม176ผู้พิพากษาศาลฎีกา เลือก 'ฉัตรไชย-ปกรณ์' ดันเป็นกกต.รอบ2

ที่ประชุม176ผู้พิพากษาศาลฎีกา เลือก 'ฉัตรไชย-ปกรณ์' ดันเป็นกกต.รอบ2

ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่มี 176 ผู้พิพากษาศาลฎีกา ลงคะแนนเลือก "กกต." รอบใหม่ ยังได้ "ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี" และ "ปกรณ์ มหรรณพ " รอส่งชื่อเสนอ สนช.เห็นชอบ

ที่ห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา ชั้น 1 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ถ.แจ้งวัฒนะ เช้าวันที่ 26 เม.ย.61 นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ได้เรียกประชุมใหญ่ศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลฎีกา 176 คน เพื่อลงมติเลือกผู้สมควร ได้รับการแต่งตั้งเป็น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สายศาล จำนวน 2 คน ตามสัดส่วนที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560

โดยการลงมติครั้งนี้เกิดขึ้น ภายหลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ฉบับลงวันที่ 26 ก.พ.61 แจ้งเรื่องการพิจารณา ให้ความเห็นชอบกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่ง สนช. ไม่ให้ความเห็นชอบ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน พร้อมกับผู้ที่ได้รับเลือกจาก กรรมการสรรหาอีก 5 คนด้วย ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จึงต้องพิจารณาคัดเลือกผู้สมควร ได้รับการแต่งตั้งเป็น กกต. บุคคลใหม่
ซึ่งในการคัดเลือกครั้งนี้ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อายุ 64 ปี และ นายปกรณ์ มหรรณพ อายุ 62 ปี ผู้พิพากษาศาลฎีกา ยังคงลงสมัครเสนอตัวคัดเลือกด้วย พร้อมกับผู้พิพากษาอื่นอีก 3 คน คือ นายเกษม เกษมปัญญา อายุ 66 ปี ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 1 และอดีตประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา (ชั้นตำแหน่งเทียบเท่ารองประธานศาลฎีกา) , นายทวีป ตันสวัสดิ์ อายุ 65 ปี ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาและอดีตประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 (อีสาน) ,นายประพาฬ อนมาน อายุ 68 ปี ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์

ขณะที่การคัดเลือก ผลปรากฏว่า นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และ นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้เสนอชื่อสมควรเป็น กกต. เพื่อเสนอให้ สนช. เห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่เคยมีผู้ท้วงติงในการคัดเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาครั้งที่ผ่านมา ถึงวิธีการลงคะแนนเลือกว่า อาจไม่เลือกว่าเปิดเผยตามที่ ก.ม. ระบุจนมาสู่การไม่เห็นชอบของ สนช. นั้น ในการลงคะแนนเลือกว่าที่ 2 กกต.ใหม่ครั้งนี้ ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบศาลฎีกาว่าด้วยการคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2561 เพิ่มเติมเป็นฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา ในส่วนการลงมติคัดเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็น กกต. ในข้อ 10 ของระเบียบเดิม เป็นว่า การลงมติเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็น กกต. ตามข้อ 11 ให้กระทำโดยเปิดเผย ด้วยการทำเครื่องหมายกากบาท (X) อย่างชัดเจน ลงหน้าชื่อตัว และชื่อสกุลผู้ซึ่งตนเลือก จำนวนไม่เกิน 2 คน หรือจำนวนเท่าที่ยังขาดอยู่ในบัตรเลือกที่จัดไว้ซึ่งระบุชื่อตัว และชื่อสกุล ลำดับหมายเลขตามบัญชีอาวุโสในศาลฎีกา แล้วนำบัตรเลือกไปมอบให้คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติและนับคะแนน เพื่อดำเนินการนับคะแนนต่อไป โดยระเบียบศาลฎีกาดังกล่าว ยังระบุว่า ให้เลขานุการศาลฎีกา เป็นผู้เก็บรักษาบัตรเลือก ไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี และหากไม่มีการโต้แย้งการคัดเลือกเป็น กกต. ก็ให้ดำเนินการทำลายบัตรเลือกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบัญ พ.ศ.2526 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2558