ปตท.สผ.ไตรมาสแรกกำไร1.3หมื่นล. เพิ่ม21% ชี้ราคาน้ำมันฟื้นตัว-บาทแข็ง

ปตท.สผ.ไตรมาสแรกกำไร1.3หมื่นล. เพิ่ม21% ชี้ราคาน้ำมันฟื้นตัว-บาทแข็ง

แถลงผลประกอบการ "ปตท.สผ." ไตรมาสแรกกำไร1.3หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น21% ชี้ราคาน้ำมันฟื้นตัว-เงินบาทแข็ง สถานะการเงินแข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมเดินหน้าประมูลสัมปทานหมดอายุทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เผยผลประกอบการไตรมาส 1ปี 2561 มีกำไรสุทธิ (Net income) 423 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) (เทียบเท่า 13,381 ล้านบาท) ปรับตัวสูงขึ้น74 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ349 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 12,284 ล้านบาท)เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกถึง 1,044 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 32,896 ล้านบาท)มีเงินสดในมือถึง 5,095 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 159,121 ล้านบาท)และ EBITDA Margin สูงถึงร้อยละ 74 พร้อมเดินหน้าเข้าร่วมการประมูลสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่จะหมดอายุ เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติและรักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศและขยายการลงทุนทั้งจากการเข้าซื้อกิจการและลงทุนเพิ่มเติมในแปลงสำรวจปิโตรเลียมในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. เผยว่าในไตรมาส 1 ปี 2561 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 1,240 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 39,105ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 148 ล้านดอลลาร์ สรอ. จาก 1,092 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,377ล้านบาท)เมื่อเทียบกับจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของ ปตท.สผ. อยู่ที่ 44.01ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 38.00 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 1 ปี 2560ถึงแม้ว่าต้นทุนต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่27.54 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เป็น 29.20ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และปริมาณการขายเฉลี่ยที่ลดลงในไตรมาสนี้ที่ 293,099 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 304,108 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสเดียวกันของปี 2560 เนื่องจากปริมาณการขายที่ลดลงจากโครงการสินภูฮ่อมและแหล่งมอนทาราจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2561ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring net income) จำนวน 304 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ9,607 ล้านบาท)และมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non- recurring net income) จำนวน119 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 3,774 ล้านบาท)ส่วนใหญ่เป็นกำไรและผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.

“ปตท.สผ. เริ่มต้นการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2561 ด้วยผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังสามารถเดินหน้าขยายการลงทุนได้ตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งการรักษาระดับต้นทุนการผลิตในระดับที่ต่ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในโครงการบงกชเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการขายและกระแสเงินสดให้ ปตท.สผ. ได้ทันทีหลังการเข้าซื้อแล้วเสร็จสมบูรณ์ และการชนะประมูลโครงการสำรวจในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางปิโตรเลียมสูง” นายสมพร กล่าว

ในส่วนของแผนงานที่เหลือของปี 2561 ปตท.สผ. ยังคงหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง พร้อมทั้งผลักดันโครงการต่างๆที่อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งได้ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) กับบริษัท EDF ประเทศฝรั่งเศส จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี

นอกจากนี้ ปตท.สผ. จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการเตรียมประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณ หลังจากที่คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ออกประกาศเชิญชวนประมูล ปตท.สผ. เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และความชำนาญในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินการมากว่า 20 ปี จะสามารถสร้างความต่อเนื่องในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศได้มากกว่า สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ. ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ