เนทติเซนท์ดันคลาวด์ พลิกโฉมอุตฯการผลิต

เนทติเซนท์ดันคลาวด์ พลิกโฉมอุตฯการผลิต

ลงนามวางระบบเอสเอพีคลาวด์อีอาร์พี "ไทยเคเค” เผยดีลประวัติศาสตร์จำนวนผู้ใช้สูงสุดในอาเซียน ชี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ หนุนการบริหารจัดการแบบเรียลไทม์ ประเมินลงทุนคลาวด์ภาคธุรกิจในไทยโตไม่หยุด

นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด ที่ปรึกษาการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ(อีอาร์พี) กล่าวว่า ลงนามติดตั้งระบบเอสเอพี บิสเนส บายดีไซน์ อราบิกา (SAP Business ByDesign Arabica) ให้บริษัท ไทย เคเค กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประเภท ลาเบล เทปกาว และเมลามีน รายใหญ่

โดยระบบที่ใช้สำหรับลงนามครั้งนี้เนทติเซนท์และเอสเอพีได้ร่วมกันพัฒนาเพื่อการปฏิวัติวงการซอฟต์แวร์ โดยเป็นระบบเรียล คลาวด์ อีอาร์พี (Real Cloud ERP) ที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทั้งได้รับการรับรองจากกรมสรรพากรเป็นครั้งแรกจึงสามารถเชื่อมโยงระบบการจ่ายภาษีได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ ด้วยระบบคลาวด์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทางธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัว รองรับการขยายตัวทางธุรกิจไปยังสาขาทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันสามารถตอบโจทย์กระบวนการบริหารจัดการภายในองค์กรรองรับรายงานการจัดการทางภาษี

การลงนามในครั้งนี้มีมูลค่าโครงการกว่า 50 ล้านบาท นับเป็นการลงนามครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน 150 ราย มากที่สุดในอาเซียน รองรับกับอนาคตที่ต้องเผชิญความท้าทายปรากฎการณ์ดิจิทัลดิสรัปชั่น ประเมินขณะนี้การนำคลาวด์มาใช้กับเอ็นเตอร์ไพรซ์แอพพลิเคชั่นได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ

นายเชวง อยู่วิมลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไทย เคเค กรุ๊ป จำกัด (Thai KK) เผยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือมาเลเซีย และเวียดนาม ทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้ บริษัทจึงได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านระบบ เพื่อช่วยในการบริหารงานช่วยลดขั้นตอนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานซึ่งเป็นส่วนช่วยในการขยายขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ

การลงนามครั้งนี้จะช่วยให้ไทยเคเคมีการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และยังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการขยายธุรกิจได้มากขึ้น ในรูปแบบที่ซอฟท์แวร์เดิมไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีขีดความสามารถจำกัด

ที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15-20% และคาดว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงระบบในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถและผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ ทั้งการเปลี่ยนแปลงระบบในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีความเป็นมาตรฐานสากล สามารถต่อยอดขยายธุรกิจทั้งการติดต่อกับบริษัทชั้นนำของไทย และของต่างชาติ

นายฟาบิโอ ตีวิติ รองประธานบริหารฝ่ายขายและกลยุทธ์บริษัทประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น บริษัท เอส เอ พี (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า ไทยเคเคจะได้รับซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพและมีการอัพเดทตัวเองตลอดเวลา พร้อมมีที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเป็นผู้ให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด