'อนุทิน' สอนมวย ตั้งพรรค-เป็นรบ.อีกรอบไม่ง่าย แม้มีอำนาจรัฐ

'อนุทิน' สอนมวย ตั้งพรรค-เป็นรบ.อีกรอบไม่ง่าย แม้มีอำนาจรัฐ

"อนุทิน" สอนมวย ตั้งพรรค-เป็นรบ.อีกรอบไม่ง่าย แม้มีอำนาจรัฐ ยกเคส ภท. คุม มท.-คมนาคม ยังพลาดเป้า เหตุต้องใช้ความขยันของผู้สมัคร-ความเชื่อใจของปชช.

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมงานทำบุญครบรอบ 2 ปี นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 ที่วัดป่าเลไลย์วรวิหาร จ.สุพรรณบุรี ว่า นายบรรหาร ถือเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่นักการเมืองทุกคนเคารพ เพราะตั้งแต่ที่นักการเมืองรุ่นตนเข้าสู่สภา ได้รับคำแนะนำที่มีคุณค่าจากนายบรรหาร จึงถือเป็นความจำเป็นที่ตนต้องเดินทางมาร่วมงานทำบุญดังกล่าว อย่างไรก็ตามการเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ไม่มีนัยใดทางการเมือง เพราะพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาโดยตลอด ส่วนกรณีมีข่าวระบุว่าสมาชิกของพรรคชาติไทย อาทิ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีตส.ส.พิจิตร จะไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ส่วนตัวตนไม่ได้เป็นคนพูดคุย เพราะมีบุคคลที่นำรายละเอียดมาบอกให้ตนทราบ ว่านายศิริวัฒน์จะเข้ามาเป็น ผู้สมัครส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ

"ผมไม่มีอะไรต้องเคลียร์ใจกับคุณวราวุธ เพราะที่คุยๆ กันไม่มีกรณีที่พรรคภูมิใจไทยไปดึงตัวคนของชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีคนที่รับผิดชอบไปคุยมา แต่ยังไม่มีอะไรมาก เพราะต้องรอวันเลือกตั้ง ส่วนภูมิใจไทยกับชาติไทยพัฒนาถือเป็นพรรคพี่พรรคน้องคุยกันรู้เรื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะฮั้วกัน" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่าที่ผ่านมามีคนนำรายชื่ออดีต ส.ส. มาให้ตนพิจารณาสัปดาห์ละ 50-60 คน พร้อมระบุว่าได้คะแนนนิยม และเป็นส.ส. ได้แน่ หากตนเชื่อพรรคภูมิใจไทยคงมีส.ส.ไม่ต่ำกว่า 2,000คนแล้ว ดังนั้น ทั้งหมดยังถือเป็นแค่การคาดการณ์ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งและทราบผล ส่วนการดึงตัวส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น จากการลงพื้นที่พบปะกับอดีตส.ส. และผู้สมัครหน้าใหม่ ยังมั่นใจว่าจะอยู่กับพรรคต่อไป ทั้งนี้บุคคลที่ไม่ได้เข้ายืนยันเป็นสมาชิกพรรคภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่ได้แปลว่าอนาคตเขาจะไม่อยู่กับพรรค เพราะการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งปัจจัยสำคัญคือการเป็นสมาชิกพรรคก่อน 90 วันที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตต่อการวอร์มอัพจัดฟอร์มลงสนามเลือกตั้งของพรรคการเมืองขั้วผู้มีอำนาจ​ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มีความกังวล เพราะหากไม่มีพรรคของคสช. ตนยังต้องแข่งขันกับอีกหลายพรรคการเมือง อีกทั้งตนมองว่าพรรคการเมืองของจริง ในระบบการเมืองไทย อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ไม่มีพรรคไหนที่ไม่เคยเป็นพรรคฝ่ายค้าน และไม่มีพรรคไหนผ่านการเลือกตั้งโดยไม่แข่งขัน ที่ผ่านมาช่วงพรรคภูมิใจไทยเป็นฝั่งรัฐบาล รับผิดชอบกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม มีอำนาจรัฐเหมือนกัน แต่ยังไม่เข้าเป้า เพราะการแข่งขันจะขึ้นอยู่กับความเชื่อถือของประชาชนและนโยบาย รวมถึงความขยันของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

"ทุกพรรคการเมืองต้องแข่งขันในกติกา และเมื่อผลเลือกตั้งออกมาก็ต้องยอมรับ ต้องทำตามกติกาตามประเพณีมารยาทอันดีทางการเมือง ซึ่งผมมองว่า การแข่งขันกันช่วงนี้ไม่มีพรรคไหนที่ได้เปรียบไปมากกว่ากัน หรืออยู่เหนือกันไปไม่เท่าไหร่ ที่ผ่านมาหากคนที่บอกว่า ได้ส.ส. 50 คนหรือ 80 คน ทำไมต้องวิ่งร่วมกลุ่มกัน ไม่จัดตั้งเป็นพรรคการเมืองไปเลย หากทำได้ง่าย ผมก็จะขอไปลงสมัครด้วย" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า หลังจากการเลือกตั้งเมื่อผลออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับในกติกา หากหลังเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลขอให้เลิกกังวลใจ เพราะพรรคมีนโยบายที่จะเข้าหา และพูดคุยกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายที่ดีเพื่อให้มาทำงานร่วมกัน โดยจะยึดการช่วยกันทำงาน ร่วมมือกันเพื่อบ้านเมือง