ธปท.หนุนแบงก์ควบกิจการเพิ่มขนาดแข่งต่างชาติ

ธปท.หนุนแบงก์ควบกิจการเพิ่มขนาดแข่งต่างชาติ

“แบงก์ชาติ” หนุนควบรวมสถาบันการเงิน ชี้สถานการณ์ปัจจุบันเป็นจังหวะเหมาะ เหตุรัฐมีมาตรการภาษีจูงใจ ย้ำขนาดถือเป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจธนาคารพาณิชย์

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบันถือเป็นจังหวะดีที่จะมีการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากมีมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ ทั้งการลดภาษีที่เป็นอุปสรรค และมาตรการจูงใจ ซึ่งมาตรการนี้ใช้ได้จนถึงปี 2565
อย่างไรก็ตามมาตรการภาษีที่รัฐสนับสนุน ไม่ใช่ภาษีที่หายไป เพราะไม่ใช่รายได้ที่รัฐเก็บได้ แต่เป็นภาษีที่เป็นอุปสรรคควบรวม แต่อาจจะยอมให้มีการตัดจ่ายได้มากกว่า 1 เท่าเป็นแรงจูงใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเอาภาษีที่เก็บได้ไปสนับสนุน เพราะทุกวันนี้ไม่มีธุรกรรม ไม่ได้มีภาษีที่ต้องเสียหาย


“การควบรวมกิจการจะมีส่วนช่วยเรื่องการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ ทำให้ต้นทุนการเงินลดลง มีการบริการความเสี่ยงดีขึ้น ต้นทุนการเงินภาคธุรกิจถูกลง ตอบโจทย์ธุรกิจขนาดใหญ่ของไทย เพราะแม้ว่าขนาดของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน จะสามารถแข่งขันได้ แต่ธุรกิจไทยก็เติบโตขึ้นทุกวัน มีธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การแข่งขันไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นการแข่งขันในระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น”
ชี้ประโยชน์ควบรวม3ด้าน


นายวิรไท กล่าวย้ำว่า ขนาดถือเป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจสถาบันการเงิน โดยเหตุผลหลายข้อ อย่างแรกคือ ถ้ามีขนาดใหญ่ก็สามารถมีลูกค้าที่หลากหลาย มีลูกค้ามากขึ้น ช่วยทำให้การบริหารความเสี่ยงสถาบันการเงินดีขึ้น เรื่องที่ 2 คือ ธุรกิจของประเทศไทยมีขนาดใหญ่มากขึ้น และมีบริษัทที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่ามีเครือบริษัทใหญ่ที่เป็นผู้เล่นสำคัญในหลายอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาสถาบันการเงินไทยอาจจะมีขนาดใหญ่ไม่มากพอที่จะไปให้บริการธุรกิจไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศ ก็เป็นข้อจำกัดอยู่


ประการที่ 3 คือ ธุรกิจสถาบันการเงินโดยทั่วไปเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากขนาด หรือ Economy of scale เมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ทำให้มีต้นทุนต่อหน่วยในการให้บริการลดลง เป็นแนวนโยบายที่กระทรวงการคลังเห็นแนวนโยบายในเรื่องนี้ และออกเป็นมาตรการส่งเสริมออกมา และใช้ได้จนถึงปี 2565


“ใครจะควบรวมกับใคร คงไม่สามารถพูดได้ ไม่สามารถลงรายละเอียดว่าเป็นแบงก์ใด หรือกลุ่มใดได้ อย่างไรก็ตามปัจจุบันธนาคารหลายแห่งก็มีพันธมิตรอยู่แล้ว เป็นผู้ถือหุ้นต่างประเทศ และเครือข่ายต่างประเทศ ส่วนอย่างใดจะดีกว่าระหว่างมีพันธมิตรกับควบรวม พูดยาก ขึ้นอยู่กับแนวนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน เพราะเรื่องการควบรวมขึ้นอยู่กับว่าแต่ละแบงก์ต้องการเสริมในเรื่องใด เพื่อทำให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น”
ส่วนกรณีที่มีความเห็นออกมาว่า หากธนาคารไทยมีขนาดไม่ใหญ่พอ จะไม่สามารถรองรับการลงทุนในอีอีซีได้นั้น ผู้ว่าธปท.กล่าวว่า ความจริงการระดมทุนมีหลายรูปแบบ ตลาดทุน และตลาดตราสารหนี้ก็เป็นช่องทางในการระดมทุนที่สำคัญ เราต้องมีหลายเรื่องที่มาเสริมประกอบกัน แต่ต้องให้แน่ใจว่าทุกเรื่องที่เป็นช่องทางสำคัญ เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ที่หลากหลายได้