วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (19 เม.ย.61)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (19 เม.ย.61)

ราคาน้ำมันดิบทะยานต่อ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลด และซาอุฯ ตั้งเป้าราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงต่อเนื่อง

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย. 61 ปรับตัวลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังลดลง 3.0 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับลด 3.1 ล้านบาร์เรล  

+ ซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ตั้งเป้าว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 80-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียสนับสนุนให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบโอเปค (OPEC) ยังคงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

+ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบโอเปค (OPEC) และนอกโอเปค (Non-OPEC) เช่น รัสเซีย ยังคงให้ความร่วมมือเดินหน้าปรับลดการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง และคาดว่าจะดำเนินการจนกระทั่งสิ้นปี 2561

+ นักลงทุนยังคงจับตาเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนที่ได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงริยาดของซาอุดิอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบที่อาจปรับตัวลดลง รวมทั้งการคาดการณ์ว่าสหรัฐ อาจมีนโยบายคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบในตลาดโลก

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของประเทศศรีลังกาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามอุปทานในภูมิภาคเอเชียยังคงปรับตัวสูงขึ้น หลังตัวเลขการส่งออกน้ำมันเบนซินจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือปรับสูงขึ้น

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากประเทศเวียดนาม ทางด้านอุปทานปรับตัวลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นบางแห่ง โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

           ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 69-74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

           ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 64-69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

  • ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคในเดือน มี.ค. ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยการปรับลดหลักๆ มาจากการแองโกลา ลิเบีย และเวเนซุเอลา
  • EIA คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ ในปี 2562 จะปรับเพิ่มขึ้น 7.5 แสนบาร์เรลต่อวันจากปีนี้ สู่ระดับเฉลี่ย 11.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียและซาอุดิอาระเบีย กลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก โดยการปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากปริมาณการน้ำมันดิบจากหินชั้นดินดาน (Shale Oil) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแหล่งการผลิต Permian

----------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

        โทร.02-797-2999