(สกู๊ป) รวมแข้งดังเซ็นฟรีซัมเมอร์นี้

(สกู๊ป) รวมแข้งดังเซ็นฟรีซัมเมอร์นี้

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วเกิดกระแสข่าวลือจากทางฝั่งสื่อฝรั่งเศสอย่าง "เลกิ๊ป" ที่รายงานข่าวสุดช็อกว่า

     ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีความสนใจที่จะคว้าตัว มารูยาน เฟลไลนี กองกลางร่างโย่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมคู่ปรับตลอดกาลมาร่วมทีมในช่วงซีซั่นหน้า พร้อมด้วยสัญญา 3 ปี

     โดยเหตุผลที่ “หงส์แดง” ต้องการตัวแข้งวัย 30 รายนี้มาร่วมทีม เนื่องจากมิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียมกำลังจะหมดสัญญากับทีม “ปีศาจแดง” ทำให้พวกเขาจะไม่เสียค่าตัวสักบาทหากจะเซ็นสัญญากับ เฟลไลนี รวมไปถึงทีมดังแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ต้องการหาตัวแทนในแดนกลางเพื่อมาแทนที่ เอ็มเร่ ชาน ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน ที่กำลังจะหมดสัญญากับทีมเช่นเดียวกัน และไม่มีทีท่าว่าจะต่อสัญญากับทีมต่อไปแต่อย่างใดโดยมี ยูเวนตุส และบาเยิร์น มิวนิค เป็นตัวเต็งในการดึงตัวไปร่วมทัพ

      อย่างไรก็ตามข่าวดังกล่าวไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใดเนื่องจาก เจมส์ เพียร์ซ นักข่าวผู้มีความใกล้ชิดกับ ลิเวอร์พูล ออกมากล่าวว่า เฟลไลนี ไม่ใช่นักเตะที่เข้ากับสไตล์การทำทีมของ คล็อปป์ ซึ่งเน้นการต่อบอลบนพื้น รวมถึงสโมสรไม่มีนโยบายในการดึงตัวนักเตะจากทีมคู่แข่ง

      ถึงกระนั้นข่าวลือดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับนักเตะที่กำลังจะหมดสัญญากับสโมสร และจะกลายเป็นฟรีเอเย่นต์ (นักเตะที่สามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว) ในช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งหากดูจากรายชื่อแล้วก็มีแข้งชื่อดัง และน่าสนใจมากมาย

สเตฟาน เดอ ฟราย
    กองหลังวัย 26 ปี ที่ถึงแม้จะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่เจ้าตัวก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ในแนวรับที่ดีที่สุดของศึกกัลโช่เซเรีย อา นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เฟเยนูร์ด เมื่อปี 2014
     สำหรับ เดอ ฟราย ฉายแววมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยการประเดิมลงสนามในศึก เอเรดิวิซี่ กับทีม เฟเยนูร์ด ตอนอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น และก้าวไปเป็นกัปตันทีมปี 2012 ซึ่งเป็นสถิติกัปตันอายุน้อยสุดของสโมสร ซึ่งเจ้าตัวลงเล่นให้ เฟเยนูร์ด 154 นัด ก่อนย้ายไปอยู่กับ ลาซิโอ เมื่อปี 2014 ด้วยค่าตัวเพียง 8.5 ล้านยูโร (ราว)
      โดยหลังจากเริ่มต้นทำผลงานได้ดีกับ “อินทีฟ้าขาว” ในฤดูกาลแรกจากการลงเล่น 35 นัด เดอ ฟราย ก็ต้องมาโชคร้ายบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า และต้องเข้ารับการผ่าตัดเมื่อเดือนพ.ย. ปี 2015 จนส่งผลให้แข้งทีมชาติฮอลแลนด์ ต้องพลาดลงสนามรวม 350 วัน ก่อนจะกลับมาลงเล่นให้ ลาซิโอ ได้อีกครั้ง ในเกมชนะ อตาลันต้า 4-3 เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ปี 2016 และยังรักษาฟอร์มได้ตามมาตรฐานเช่นเดิมจนเป็นที่รักของแฟนๆของทีมเป็นอย่างมาก
       เป็นเหตุให้เมื่อสัญญาของ เดอ ฟราย กำลังจะหมดลงแฟนบอลเคยร่วมกันลงชื่อให้สโมสรต่อสัญญากับนักเตะเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายไม่เป็นผลเมื่อเซ็นเตอร์ฮาล์ฟรายนี้ออกมายืนยันว่าจะอำลาถิ่นสตาดิโอ โอลิมปิโก หลังจบฤดูกาลนี้ โดยมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน สนใจดึงตัวไปร่วมทัพ

มักซ์ เมเยอร์

     จอมทัพดาวโรจน์ของทีม ชาลเก้04 ที่ขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมมาตั้งแต่ปี 2012–13 โดยเขาถูกดันจากทีมชุดเยาวชนเพื่อขึ้นมาแทนที่ ลิวอิส โฮลบี จอมทัพคนก่อนซึ่งย้ายไปอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
      โดยผลงานของเขาเป็นที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก เนื่องจาก เมเยอร์ เป็นนักเตะที่ไม่กลัวเรื่องความกดดัน และขึ้นมาใส่เบอร์ 7 ของทีมตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งเจ้าตัวมีจุดเด่นตรงเรื่องการเลี้ยงบอลที่พริ้วไหว และการจ่ายบอลอันแม่นยำจนกระทั่ง เชลซี ต้องการคว้าตัวเข้าไปร่วมทัพด้วยต่าตัว 15 ล้านยูโร (ราว) หลังลงเล่นให้ “ราชันสีน้ำเงิน” ได้เพียง 1 ฤดูกาล
     ถึงกระนั้นกองกลางทีมชาติเยอรมัน กลับบอกปัดข้อเสนอ และอยู่ช่วยทีมต่อไป โดยประสานงานกับ ลีออน โกเรตซ์กา ในแผงมิดฟิลด์ได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วด้วยอร์มอันเจิดจรัสทำให้มีกระแสข่าวอย่างหนักว่า ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2 ยอดทีมของอังกฤษ ต้องการได้ตัวเขาไปเสริมเกมรุกในฤดูกาลหน้า อีกทั้งการที่ โกเรตซ์กา คู่หูจะย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ในซัมเมอร์นี้เช่นเดียวกัน
      เป็นเหตุให้ดาวเตะวัย 22 ปีซึ่งปัจจุบันลงสนามให้ทีมไป 191 นัด และยิงไป 22 ลูก แสดงจุดยืนว่าจะย้ายออกจากทีม และปัดต่อสัญญาใหม่ที่กำลังจะหมดลงหลังจบฤดูกาล โดยกล่าวว่า “หากสิ่งต่างๆยังคงเป็นแบบนี้ ผมก็จะย้ายแบบฟรีๆ ในปีหน้า จากมุมมองของผม มันไม่มีความสนใจที่จะกลับไปนั่งโต๊ะเพื่อเจรจาสัญญาฉบับใหม่”

อาร์เยน ร็อบเบน

     แข้งรายนี้ถือเป็นอีก 1 สุดยอดปีกที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาสขนาดไหน ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เริ่มจากระดับสโมสร ร็อบเบน ผ่านการค้าแข้งกับยอดทีมจากหลายลีกดังของยุโรปมาแล้ว เริ่มจาก พีเอสวี ไฮลด์โอเฟ่น, เชลซี, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเขาก็พาทีมหยิบถ้วยแชมป์ต่างๆมาครอง เช่น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 สมัย, ลาลีกา ลีก สเปน 1 สมัย, บุนเดสลีกา เยอรมัน 7 สมัย และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย
     ส่วนในนามทีมชาติ เจ้าตัวถือเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติฮอลแลนด์ ตั้งแต่ปี 2003 เมื่อมีอายุ 19 ปี พร้อมกรำศึกร่วมกับ “อัศวินสีส้ม” มาอย่างโชกโชน ทั้งศึกยูโร 3 ครั้ง(2004, 2008, 2012), ฟุตบอลโลก 3 ครั้ง (2006, 2010, 2014) อย่างไรก็ตามในฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ ฮอลแลนด์ ไม่ได้สิทธิ์ไปเล่นในรอบสุดท้าย และเป็นเหตุให้ ร็อบเบน ประกาศอำลาทีมชาติเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสถิติลงสนาม 96 นัด ทำไป 37 ลูก
     จุดเด่นของแข้งวัย 34 ปีรายนี้คือกการที่เจ้าตัวถนัดเท้าซ้าย แต่ชอบไปเล่นในตำแหน่งปีกขวาเพื่อใช้ลูกเลี้ยงตัดเข้ากลาง และยิงเข้ามุมประตูซึ่งยากที่ผู้รักษาประตูจะป้องกัน โดย ร็อบเบน สามารถทำประตูในลักษณะนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน
     ถึงกระนั้นด้วยการที่เขามีปัญหาเรื่องการอาการบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา ทำให้ ร็อบเบน ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของอาชีพเท่าที่ควร ทั้งๆที่เขามีฝีเท้าไม่ต่างกับแข้งซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ และด้วยอายุที่โรยราก็ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ยังไม่ยอมต่อสัญญาที่จะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้อีกด้วย
     แต่ล่าสุด คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ประธานบริหาร บาเยิร์น มิวนิค กล่าวว่า จะต่อสัญญากับ ร็อบเบน ต่อไปอย่าง แน่นอน แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกของฟุตบอลเพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าเจ้าตัว เตรียมโยกไปค้าแข้งในช่วงบั้นปลายกับลีกในประเทศกาตาร์เหมือนกับ เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ มิดฟิลด์เพื่อนร่วมชาติ

จอร์โจ้ คิเอลลินี

    แม้จะมีอายุถึง 33 ปีแล้ว แต่คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่ากองกลังทีมชาติอิตาลีรายนี้คือ 1 ในกองหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างแน่นอน
     คิเอลลินี สร้างชื่อให้กับตัวเองตั้งแต่สมัยอยู่กับ ลิวอร์โน, ฟิออเรนตินา ก่อนจะมาแจ้งเกิดสุดขีดกับ ยูเวนตุส ที่เจ้าตัวย้ายมาอยู่ตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในช่วงแรก คิเอลินี เริ่มต้นจากตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ตอนหลังก็ได้ฮุบมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่เขาได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกกลางอากาสที่ยากจะมีใครโหม่งชนะ รวมถึงจังหวะความนิ่งที่เขาไม่ได้คุมแค่แดนหลัง แต่ยังสามารถคุมบรรยากาศทีม และเปลี่ยนจากสถานการณ์ที่ทีมกำลังกดดันกลับมาสู่เกมได้หลายต่อหลายครั้ง
    รวมถึงในทีมชาติ อิตาลี ที่ดาวเตะวัย 33 ปีทำผลงานได้สม่เสมอไม่แพ้ในสโมสร ด้วยการลงสนามไปถึง 96 นัดพร้อมทำไป 8 ประตู ซึ่งส่วนนึงที่ทำให้เขาฟอร์มดีเนื่องจากได้เล่นเคียงข้างกับ อันเดรีย บาร์ซาญี และเลโอนาร์โด โบนุชชี เพื่อนซี้ทั้ง 2 คน
     อย่างไรก็ตามขณะนี้เขาเหลือสัญญาอยู่กับ “ม้าลาย” อีกเพียงไม่ถึง 6 เดือน แต่ยังไม่มการต่อสัญญาออกไปแต่อย่างใด และอาจเป้นการปิดฉากการค้าแข้งในถิ่น อัลลิอันซ์ สเตเดียม เป็นฤดูกาลสุดท้ายก็เป็นได้ โดยมี แมนเชสเตอร์ ซิตี คอยจับตาสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด

      ทั้งหมดที้กล่าวมาคือตัวอย่างของนักเตะชื่อดังที่สามารถถูกเซ็นสัญญาไปร่วมงานได้แบบฟรีๆในช่วงซีซั่นหน้า ซึ่งนอกจากนี้ก็จะมีทั้ง มาริโอ บาโลเตลลี, แจ็ค วิลเชียร์, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา และฟร้องค์ ริเบรี ซึ่งเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกด้วย