ครม.ไฟเขียวแก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ เพิ่มส่วนแบ่ง

ครม.ไฟเขียวแก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ เพิ่มส่วนแบ่ง

ครม.ไฟเขียว! แก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ รายย่อยเฮ เพิ่มส่วนแบ่งจากใบละ 5.60 บาทเป็น 9.60 บาท

พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….สาระสำคัญเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 จำนวน 17 มาตรา อาทิ กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนบริหารสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม โดยจัดสรรเงินจากรายได้เข้ากองทุนร้อยละ 1 แต่ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนเกินให้เป็นรายได้ของแผ่นดิน

พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวว่า สำหรับการตั้ง “กองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม” เพื่อเป็นทุนสำหรับการใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1.เพื่อส่งเสริมการศึกษาและวิจัยปัญหาเกี่ยวกับการพนัน 2.เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการพนันสร้างการรู้เท่าทันเพื่อป้องกันการติดการพนัน รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมป้องกันและลดผลกระทบจากการพนัน 3.เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการพนัน 4.เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และ5.เพื่อให้ดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม

นอกจากนี้ ร่างพ.ร.บ.ยังกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน โดยมีอำนาจหน้าที่เพิ่มเติมในการกำหนดจำนวนและรูปแบบของสลากกินแบ่งรัฐบาล วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งและแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นกรรมการและเลขานุการ กำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 คน

วาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้อำนาจประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการเกี่ยวกับการบรรจุแต่งตั้ง เลื่อนเงินเดือนพนักงานและลูกจ้างเพื่อลดภารกิจของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

ส่วนการจัดสรรเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวว่า 60% เป็นเงินรางวัล ไม่น้อยกว่า 22% เป็นรายได้แผ่นดิน ไม่เกิน 17% เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานจากเดิม 12% ซึ่งในจำนวน 17% แบ่งย่อยออกเป็น การบริหารจัดการ 3% ส่วนลดของตัวแทนรายย่อย 12% การบริหารจัดการของสมาคม องค์กร 2% และการจัดการเงินดังกล่าว รวมทั้งดอกผลที่เกิดขึ้น รวมถึงรางวัลสมทบเพื่อเตรียมรองรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่

“ในส่วนของส่วนลดของตัวแทนรายย่อย 12% จะทำให้รายย่อยมีกำไรจากการจำหน่ายสลากใบละ 80 จาก 5.60 บาทต่อใบ เป็น 9.60บาท ต่อใบ โดยมีการกำหนดบทลงโทษการเสนอหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่กำหนดเดิมมีโทษปรับสถานเดียว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ “รองผอ.สำนักงานสลากกล่าวฯและว่า ยังมีการกำหนดเพิ่มเติมความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษาและบริเวณที่ซึ่งใช้สำหรับสถานศึกษาไม่ว่าจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวอีกว่า ร่างพ.ร.บ.มีการกำหนดเพิ่มเติมสลากสบทบเพื่อรองรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน เช่น สลากออนไลน์ ส่วนรายละเอียดต้องนำไปศึกษาผลกระทบอีกครั้ง ทั้งนี้อยู่ในระหว่างศึกษารูปแบบในต่างประเทศ เช่น การออก Lotto ซึ่งขณะนี้เป็นเพียงการเปิดกรอบการดำเนินการของกฎหมายเพื่อรองรับ สำหรับการรวมชุดสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อจำหน่ายเองของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลภายหลังจากลงพื้นที่สำรวจในเดือนมิถุนายนเสร็จสิ้นเพื่อเสนอข้อสรุปต่อคณะกรรมการสำนักงานสลาก ฯ คาดว่าปลายปี 2561 จะเห็นเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ยังมีการระบุการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือธนาคารอื่นที่กระทรวงการคลังกำหนด การบัญชีของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลทำงบการเงินประจำปี ภายใน 120 วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี ตรวจสอบ รายงานผลเงินทุกประเภท และเสนอต่อคณะกรรมการภายใน 165 วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชีเพื่อเสนอรัฐมนตรี และการประกาศหมายเลขสลากกินแบ่งรัฐบาลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำหน่ายเอง