ดาวโจนส์ปิดทะยานกว่า 200 จุด

ดาวโจนส์ปิดทะยานกว่า 200 จุด

รับยอดค้าปลีกและผลประกอบการภาคธุรกิจสดใส ขณะเมินสหรัฐถล่มซีเรีย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (16เม.ย.)ตามเวลาท้องถิ่่น ปรับตัวขึ้น 212.9 จุด โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐและชาติพันธมิตรโจมตีซีเรียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประกอบกับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นเกินคาด ได้เป็นปัจจัยหนุนตลาดในวันนี้

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 212.9 จุดหรือ 0.87% ปิดที่ 24,573.04 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  ขยับขึ้น 21.54 จุดหรือ 0.81% ปิดที่ 2,677.84  จุด และดัชนีแนสแด็กบวก 49.64 จุดหรือ 0.7% ปิดที่ 7,156.29 จุด

ทั้งนี้ นักลงทุนคลายความวิตกต่อการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้สร้างความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย โดยเป็นการโจมตีในขอบเขตจำกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน

ด้านนางลินซีย์ เบลล์ นักวิเคราะห์ของซีเอฟอาร์เอ คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะพุ่งขึ้น 16.3% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี จากระดับ 10.4% ในช่วงต้นปี

ก่อนหน้านี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทะยานขึ้น 19.5% ในไตรมาสแรกของปี 2554

คาดการณ์กันว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากระดับ 35% สู่ระดับ 21%

ราคาหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ทางธนาคารเปิดเผยว่ามีกำไรและรายได้ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อ และมาตรการปรับลดอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 62 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น

ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 2.31 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3059 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ธุรกิจปล่อยสินเชื่อของทางธนาคารมีการเติบโต 5% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 8.64 แสนล้านดอลลาร์

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกฟื้นตัวขึ้นในเดือนมี.ค. หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน โดยยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนก.พ.