พณ.เตรียมเซ็น MOU กับจีน กระชับความร่วมมือศก.18เม.ย.นี้

พณ.เตรียมเซ็น MOU กับจีน กระชับความร่วมมือศก.18เม.ย.นี้

พาณิชย์เตรียมเซ็น MOU กับจีน ภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง กระชับความร่วมมือเศรษฐกิจ 18เม.ย.นี้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ  เปิดเผยว่า ในวันที่ 18  เม.ย.นี้ จะมีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ระหว่างนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อรับมอบเงินจากกองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ที่รัฐบาลจีนสนับสนุน สำหรับดำเนินกิจกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

ทั้งนี้เนื่องจากฝ่ายไทยเสนอ 4 โครงการที่ต้องดำเนินการคือ โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน โครงการพัฒนาการการอำนวยความสะดวกทางการค้าตามแนวชายแดน โครงการจับคู่ธุรกิจระหว่างสมาชิกในกลุ่มแม่โขง – ล้านช้าง และ โครงการการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นการทำกิจกรรมที่จัดให้ประเทศสมาชิกในกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และจีน โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มอบให้สถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute: MI) เป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว
ขณะเดียวกันได้ให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานกำกับดูแล โดยจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสถาบันความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงในพิธที่จัดขึ้นด้วย และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ พร้อมเอกอัครราชทูตสมาชิกแม่โขง – ล้านช้าง อีก 5 ประเทศจะร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม 

สำหรับโครงการดังกล่าวจะช่วยให้การค้าชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าชุมชนของประเทศน้ำโขง-ล้านช้าง ผ่านอีคอมเมิร์ซรวมทั้งสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการในอนุภูมิภาคแม่โขง - ล้านช้าง 

อย่างไรก็ตาม สมาชิกแม่โขง – ล้านช้าง ได้จัดการประชุมครั้งแรกเมื่อเดือนพ.ย. 58 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชุมชนที่มีสันติภาพและความเจริญร่วมกัน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งลดช่องว่างทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขง ซึ่งประเทศสมาชิกมีเป้าหมายที่จะขยายการค้าให้ถึง 250 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 63 จากปัจจุบัน 200 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนตามข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนกับประเทศ CLMVT