ศาล-กรมคุมประพฤติ ใช้ 'กำไลข้อเท้า EM' คดีเมาแล้วขับรับสงกรานต์

ศาล-กรมคุมประพฤติ ใช้ 'กำไลข้อเท้า EM' คดีเมาแล้วขับรับสงกรานต์

ศาลแขวงพระนครเหนือ-ศาลดอนเมือง นำร่องก่อนคดีเมาแล้วขับ สงกรานต์นี้ เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความปลอดภัย ปชช.

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.61 เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมกรมคุมประพฤติ ถ.แจ้งวัฒนะ นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ พร้อมด้วยนายประเสริฐ โหล่วประดิษฐ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดอนเมือง ร่วมแถลงข่าว“การใช้ EM กับคดีเมาแล้วขับช่วงเทศกาลสงกรานต์” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดย "นายสราวุธ" เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า การประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและ กรมคุมประพฤติในครั้งนี้ เป็นการนำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว EM ซึ่งคือ กำไลข้อเท้า ที่ศาลยุติธรรมจัดหาไว้มาใช้ในขั้นตอนหลังพิจารณาคดีกับผู้ถูกคุมความประพฤติ ตามมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งศาลกำหนดเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการคุมความประพฤติ

โดยระยะแรก จะใช้กับคดีเมาแล้วขับ และนำร่องที่ศาลแขวงพระนครเหนือ และศาลแขวงดอนเมือง โดยเริ่มตั้งแต่เทศกาลสงกรานต์นี้ ด้าน นายประสาร อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สำหรับการใช้ EM กรมคุมประพฤติจะดำเนินการตามที่ศาลกำหนดเป็นเงื่อนไขการคุมประพฤติ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานคุมประพฤติในการติดตามผู้ถูกคุมความประพฤติ ซึ่งได้ฝึกอบรมพนักงานคุมประพฤติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินการตามมาตรการใช้ EM กับกลุ่มผู้กระทำผิดในคดีขับรถขณะเมาสุราได้ทันที

ขณะที่ นายประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงดอนเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจของศาลจะนำ EM มาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของจำเลยที่ต้องพิพากษาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้กระทำผิดในคดีเมาแล้วขับที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 200-250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ศาลอาจใช้ดุลยพินิจสั่งให้รอการลงโทษ และกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ เช่น ห้ามออกนอกสถานที่พักอาศัยในยามวิกาล โดยการใช้ EM กับกลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวภายใต้การดูแลของกรมคุมประพฤติ ต่อไป