'กรมส่งเสริมสหกรณ์' ขับเคลื่อนนโยบายไทยนิยมยั่งยืน

'กรมส่งเสริมสหกรณ์' ขับเคลื่อนนโยบายไทยนิยมยั่งยืน

"กรมส่งเสริมสหกรณ์" ติดตามนโยบายไทยนิยมยั่งยืนเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกสหกรณ์ สั่งห้ามขรก.ชี้นำผู้รับจ้างแอบอ้างรับผลประโยชน์จัดซื้อจัดจ้าง

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561 นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2561 หรืองบกลางปี 2561 วงเงิน 1,768.339 ล้านบาท ภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน

โดยอุดหนุนให้กับสหกรณ์ต่างๆ ไปดำเนินการก่อสร้างอุปกรณ์การตลาด อาทิ ฉาง ไซโล เครื่องอบ ลานตาก พร้อมเครื่องมือในการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเองทั้งหมด ล่าสุดได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปกำกับดูแลให้สหกรณ์ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของ การจัดซื้อจัดจ้าง และได้สั่งห้ามไม่ให้ข้าราชการของกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปชี้นำในการจัดหาผู้รับจ้างหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แอบอ้างเพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากการจัดซื้อจัดจ้างของสหกรณ์โดยเด็ดขาด ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

สำหรับการจัดสรรงบกลางปี 2561 วงเงิน 1,768.339 ล้านบาทนั้น สถาบันเกษตรกรจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อไปดำเนินการโครงการต่างๆ จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร หรือโครงการแก้มลิง วงเงิน 1,017 ล้านบาท ให้กับสถาบันเกษตรกร 41 จังวัด รวม 146 สหกรณ์ เพื่อเก็บชะลอผลผลิตข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 715,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 250,000 รายมีรายได้เพิ่มขึ้นตันละ 200 – 500 บาท

2.โครงการรวบรวมและแปรรูปยางพารา วงเงิน 340.429 ล้านบาท ให้สหกรณ์ 62 แห่งในพื้นที่ 24 จังหวัด เก็บชะลอและแปรรูปผลผลิตยางพารา 150,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 42,000 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้นรายละ 1,190 บาท และ3.โครงการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร วงเงิน 410.91 ล้านบาท ให้กับสหกรณ์ 99 แห่ง ใน 42 จังหวัด เพื่อสร้างอุปกรณ์แปรรูปและตรวจสอบคุณภาพผลผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ โรงสีข้าว ห้องเย็น เครื่องชั่ง เครื่องคัดเกรด อาคารแปรรูป ให้กับสินค้าเกษตร 9 ชนิด ได้แก่ ข้าว ผัก/ผลไม้สมุนไพร ผลไม้ ปาล์มน้ำมัน กาแฟ โคนม ประมง ปศุสัตว์ และมันสำปะหลัง จำนวน 56,000 ตัน ช่วยให้เกษตรกรได้รับประโยชน์ 300,000 ราย และช่วยเพิ่มปริมาณธุรกิจสหกรณ์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 3%

ขณะนี้การดำเนินโครงการอยู่ในขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อสรรหาผู้รับจ้างภายในเดือนเม.ย.61 จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการกำกับการก่อสร้าง จัดซื้ออุปกรณ์ และตรวจรับในเดือนเม.ย. - ก.ย. 61 โดยสหกรณ์จะต้องควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบและรายการที่ขอสนับสนุน โดยกรมฯจะส่งเจ้าหน้าที่ไปกำกับดูแลตลอดช่วงของการก่อสร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามรายการที่กำหนด

ขณะเดียวกันในระหว่างเดือนพ.ค. – ก.ย. 61 จะจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ในการใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ที่ถูกต้องให้กับฝ่ายจัดการสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้สำหรับการรวบรวมผลผลิต เก็บรักษา รอจำหน่าย การแปรรูป การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และการตลาด และคาดว่าอุปกรณ์การตลาดและเครื่องมือต่าง ๆ จะเสร็จทันรองรับฤดูกาลผลผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ กรมฯได้จัดตั้งศูนย์อำนวยเฉพาะกิจและติดตามนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ในระดับจังหวัดและบริหารในรูปแบบคณะกรรมการ ที่มีผู้ตรวจราชการกรมฯทำหน้าที่เป็นหัวหน้าศูนย์ในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ เพื่อติดตามและรายงานความก้าวหน้ากลับมายังส่วนกลาง พร้อมทั้งกำกับดูแลการดำเนินโครงการฯนี้ให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ ต่อไป