ชิมคัดเลือกไวน์บนเครื่อง ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ชิมคัดเลือกไวน์บนเครื่อง ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

​ในอดีตที่ผ่านมา การชิมคัดเลือกไวน์เพื่อเสิร์ฟบนเครื่องบินของการบินไทย จะทำกันในภาคพื้นดินนั้น หรืออาจจะมีบ้างก็ไม่มาก ไม่เคยมีการชิมบนเครื่องบินอย่างจริงจัง

ด้วยสาเหตุและเหตุผลหลาย ๆ ประการ ดังนั้นการชิมเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2561 ครั้งนี้ น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว คณะกรรมการชิมและคัดเลือก ได้ประชุมกันและเห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะมีการชิมทดสอบไวน์บนเครื่องบิน เหมือนที่มีการเสิร์ฟผู้โดยสารจริง ๆ เพื่อประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย ทางการบินไทยจะได้หาข้อมูลต่าง ๆ มาปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนหรือกระบวนการด้านการบริการ ในส่วนของคณะกรรมการจะได้นำสิ่งที่ได้ มาเป็นข้อมูลสำหรับคัดเลือกไวน์ในปีต่อ ๆ ไป อย่างน้อยก็เป็นการให้รู้แนวทางในการคัดเลือกไวน์ว่า เมื่ออยู่บนเครื่องซึ่งความกดดันของอากาศต่างจากภาคพื้นดิน กลิ่นและรสชาติของไวน์จะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด เพื่อปีต่อ ๆ ไปจะได้คัดเลือกไวน์ให้เหมาะสม ​จริง ๆ แล้วการชิมคัดเลือกไวน์สำหรับการบินไทย ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะการบินไทยเสิร์ฟเฉพาะไวน์ฝรั่งเศส กรรมการจะต้องเข้าใจคุณลักษณะของไวน์ฝรั่งเศสแต่ละแคว้น แต่ละเขต องุ่นแต่ละพันธุ์ซึ่งเมื่อนำมาเบลนด์ (Blend) กันแล้วจะได้คุณลักษณะอย่างไร รวมทั้งแต่ละวินเทจด้วย เป็นต้น

​ที่สำคัญอย่างยิ่งกรรมการจะต้องเข้าใจด้วยว่า ไวน์ที่จะเสิร์ฟบนเครื่อง ต้องสามารถดื่มได้ทันทีหรือเปิดล่วงไว้ในเวลาไม่นาน การเลือกไวน์ต้องดูหลาย ๆ ประกอบกัน หลัก ๆ ก็คือเป็นไวน์ที่พร้อมดื่มเร็ว ทำจากองุ่นที่มีกลิ่นหอม รสชาตินุ่นนวล แทนนินหรือความฝาดไม่สูงมาก แอซสิดหรือความเปรี้ยวไม่สูงมากเช่นกัน บอดี้ปานกลาง-ค่อนข้างสูง เป็นต้น บ่อยครั้งที่พบว่าไวน์ที่ส่งมานั้นรสชาติยอดเยี่ยมมาก เป็นไวน์กรองด์ ครูส์ชั้นสูง อยากจะคัดเลือกเข้ามาเสิร์ฟผู้โดยสาร แต่เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าไวน์เหล่านั้น น่าจะพร้อมดื่มในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เพราะรสชาติที่ฝาดเฝื่อน หนักแน่น เข้มปึ๊ก เกินที่จะนำมาเสิร์ฟในปีที่คัดเลือก ไม่อร่อยแน่นอน

​เราจะไม่เลือกไวน์ที่พร้อมดื่มในอีก 4-5 ปีข้างหน้าหรือมากกว่านั้น เพราะการบินไทยจะชิมคัดเลือกแบบปีต่อปี เราจะไม่เลือกไวน์แทนนินสูง เพราะไวน์พวกนี้ส่วนใหญ่บอดี้หนักแน่นเข้มข้น ไม่เหมาะกับการเสิร์ฟบนที่ที่มีความกดอากาศสูง เราจะไม่เลือกไวน์ที่แอซสิดหรือความเปรี้ยวสูง เพราะไวน์พวกนี้ต้องแช่ให้เย็นค่อนข้างจัด ซึ่งการบริการบนเครื่องอาจจะเย็นไม่ทันหรือเพียงพอ เป็นต้น

S__9076954

​อย่างที่กล่าวในตอนแรกการบินไทยเสิร์ฟเฉพาะไวน์ฝรั่งเศส เป็นไวน์ฝรั่งเศสระดับกรองด์ ครูส์ (Grand Crus) หรือน้อง ๆ กรองด์ ครูส์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้น First Class และ Business Class ซึ่งสายการบินอื่น ๆ อีกเป็นสิบ ๆ สายไม่ได้เสิร์ฟไวน์เกรดพวกนี้ หลาย ๆ สายการบินเสิร์ฟไวน์โลกใหม่ อย่าง ชิลี ออสเตรเลีย แคลิฟอร์เนีย นิวซีแลนด์ อาจจะมีโลกเก่า เช่น อิตาลี สเปน เยอรมัน บ้าง รวมทั้งฝรั่งเศส เรื่องดังกล่าวอยากจะให้ผู้โดยสารชาวไทยให้เข้าใจ จริง ๆ แล้วการบินไทยอยากจะได้ไวน์ดีมาบริการผู้โดยสาร แต่ติดขัดด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ผสมผสานกันจนเป็นอุปสรรคสำคัญ ซึ่งฝ่ายที่ดูและรับผิดชอบและคณะกรรมการก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามร่วมกันหาทางแก้ปัญหากันมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ได้รับการบอกเล่าจากหลายฝ่ายว่ามีเสียงตอบรับจากผู้โดยสารว่าไวน์การบินไทยดีขึ้น ขณะที่ฝ่ายที่ดูแลการคัดเลือกบอกว่า ไวน์การบินไทยหมดสต็อก บางล็อตไม่พอ จากที่ผ่านมาเคยเหลือ

​สำหรับคณะกรรมการที่ชิมไวน์ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ประกอบด้วย คุณธวัชชัย เทพพิทักษ์ (Thawatchai Tappitak) Wine Critic, คุณปิยะพงษ์ กาญจนธานนท์ (Piyapong Karnchanatanont) Wine Guru, คุณณัฐวัฒน์ แย้มเกสร (Natthawat Yaemkesorn)The 1st runner up Fan Pan Tae Wine 2005 และคุณอาเธอร์ คลูเซสกี (Artur Kluczewki) เจ้าของร้าน Artur ​หลังจากที่กรรมการมีความเห็นตรงกันแล้ว จึงได้มีการปรึกษากับคุณเฉลิมพล แก้วชินพร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) มาโดยตลอด ซึ่งท่านก็มีความเห็นตรงกันว่าควรจะทำอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ประโยชน์กับผู้โดยสารอย่างเต็มที่ กระทั่งกลายเป็นเรื่องจริงในที่สุด

S__9076957_1

​คุณเฉลิมพล แก้วชินพร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) กล่าวถึงจุดประสงค์ของการที่ต้องมีการชิมคัดเลือกไวน์บนเครื่องครั้งนี้ว่า "สาเหตุที่เราต้องทดสอบรสชาติของไวน์บนที่สูง 34,000 ฟุต เพราะเราพบว่าบนเครื่องที่มีความสูงดังกล่าวมีความกดดันอากาศน้อย ทำให้มีความหนาแน่นของอากาศน้อยกว่าบนพื้นดินปกติที่เราดื่มไวน์ทั่วไป แอลกอฮอล์ในไวน์เกิด Oxidation ต่ำกว่าบนพื้นดิน นอกจากนั้นยังทำให้ต่อมรับรสที่ลิ้นเปลี่ยนไป ขณะที่กลิ่นหรืออโรมา (Aroma) ของไวน์ก็เปลี่ยนไปด้วย เราจึงอยากทดสอบให้มั่นใจว่าไวน์ที่เราคัดเลือกในเบื้องต้นจากการชิมโดยไม่รู้ข้อมูลอะไรหรือปิดตาชิม (Blind Tasting) บนภาคพื้นดินแล้ว มีรูป รส และกลิ่นเปลี่ยนแปลงไปในเปอร์เซนต์ที่รับได้ ด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจให้ผู้โดยสารทุกท่านที่ใช้บริการกับการบินไทยได้รับสิ่งที่ดีที่สุดและได้รับความพึงพอใจสูงสุด"

​สำหรับไวน์ที่ถูกนำขึ้นไปชิมทดสอบมีทั้งหมด 49 ขวดมีทั้ง White Wine,Red Wine และ Rose Wine จาก 10 Categories ในชั้นบริการ First Class และ Business Class เพื่อแสดงถึงความใส่ใจในการคัดสรรไวน์ ที่มีแบรนด์ และรสชาติดีเป็นที่ยอมรับและได้คะแนนมากกว่า 80 คะแนนจากสถาบันจัดอันดับชั้นไวน์และนักชิมไวน์ที่น่าเชื่อถือเช่น Wine Searcher และ Robert Parker เป็นต้น

คุณเฉลิมพล แก้วชินพร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) ยังกล่าวอีกว่า "เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่เราต้องตระหนักถึงคือ ขั้นตอนตามหลักในการให้บริการไวน์โดยทั่วไปจะต้องเปิดขวดไวน์ไว้ล่วงหน้าประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้อากาศภายนอกเข้าไปผสมผสานกับไวน์ ทำให้ไวน์แสดงตัวตนอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังทำให้ไวน์หายใจ (Breathing) เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่ดีเยี่ยม แต่ในความเป็นจริงของการบริการบนเครื่องบินส่วนใหญ่ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามนั้น ด้วยเงื่อนเวลาจำกัด จึงจำเป็นต้องเปิดขวดแล้วให้บริการทันที จึงต้องนำขึ้นไปทดสอบจริงบนเครื่องบิน เพื่อให้แน่ใจว่าไวน์ที่เราได้คัดเลือกไปนั้น ไม่มีรสชาติแตกต่างและเปลี่ยนไปมากจากเดิม ซึ่งในส่วนนี้ซอมเมอลิเยร์ (Sommelier) หรือผู้เชียวชาญด้านไวน์ ซึ่งมีประสบการณ์ที่เราเชิญมาร่วมทดสอบสามารถแยกแยะความแตกต่างได้"
การชิมคัดเลือกไวน์บนเครื่องครั้งนี้ นอกจากจะเป็นครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์แล้ว เหนือสิ่งอื่นใดคือความตั้งใจสูงของฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการบินไทย และคณะกรรมการที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ...คุณภาพของไวน์ที่เหมือนกับนำออกมาจากเซลลาร์ (Cellar) แต่เป็น..."Cellar in the Sky"...ที่เหนือระดับ