ผู้ตรวจศธ.แบกคอมพิวเตอร์ห้องทำงาน "รจนา" พร้อมพยาน 2 ปากส่ง ป.ป.ท.ไต่สวนเอาผิดก๊วนโกงเงินทุนเสมา แนะผู้เปิดบัญชีเร่งให้ข้อมูล
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต นำเอกสารหลักฐานการทุจริตพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของนางรจนา สินที อดีตข้าราชการซี 8 มายื่นเป็นหลักฐานประกอบสำนวนให้กับ ป.ป.ท. และเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับข้าราชการจำนวน 44 ราย นอกจากนี้ ยังนำพยานบุคคล 2 ราย ที่เปิดบัญชีรับโอนเงินจากกองทุนเสมาฯให้กับนางรจนา เข้าให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ท.ด้วย โดยพยานปากแรกเป็นอดีตนักศึกษาทุนเสมาฯ เมื่อเรียนจบได้รับการบรรจุเป็นลูกจ้างของสำนักงานปลัดศธ. ส่วนพยานอีกปากเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของนางรจนา โดยร่วมกันทำธุรกิจมูลนิธิที่นางรจนาก่อตั้งขึ้น
นายอรรถพล กล่าวว่า หลังจากกรรมการสืบสวนของศธ.พบข้อมูลเพิ่มเติม จึงได้รวบรวมและนำเอกสารมายื่นให้ป.ป.ท.พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษกับข้าราชการและบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 44 ราย โดยแยกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1 กลุ่มรับโอนเงินบ่อยที่สุด ซึ่งเป็นกลุ่มของนางรจนาและเครือญาติ 2 กลุ่มเพื่อนของนางรจนาโดยเฉพาะเพื่อนที่เรียนปริญญาโทด้วยกัน 3 นักเรียนที่ได้รับทุนเสมาฯ ซี่งมีความใกล้ชิดกับนางรจนา และ 4 กลุ่มมูลนิธิบางแห่งที่เคยร่วมกิจกรรมของศธ. โดบพบข้อมูลในปี 58 ว่ามูลนิธิดังกล่าวเคยทำหนังสือเวียนไปถึงสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อขอร่วมกิจกรรมของโรงเรียนสพฐ.ทั่วประเทศ โดยในชั้นการตรวจสอบพบเงินถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าของมูลนิธิและผู้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของมูลนิธิ.
นายอรรถพล. กล่าวอีกว่า สำหรับการโอนเงินกองทุนเสมาฯ ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.2548 – เดือนพ.ย. 60 มีเงินโอนเข้าบัญชีทั้งหมด 1,049 รายการ วงเงินกว่า 230 ล้านบาท ทั้งที่ตรวจสอบพบแล้วและยังตรวจสอบไม่พบ 471 บัญชี เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องจำนวน 52 บัญชี ส่วนบัญชีที่ตรวจสอบระบุตัวตนได้แล้ว 34 บัญชี และยังไม่ระบุตัวตนอีก 18 บัญชี เบื้องต้นประเมินความเสียหายที่ 96 ล้านบาทเศษ และคาดว่าวงเงินความเสียหายจะลดลงอีก ยืนยันว่าความเสียหายไม่ใช่หลักร้อยล้านบาทตามที่ระบุก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ยังเหลืออีกกว่า 10 จังหวัดที่ยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ และอยู่ในช่วงโรงเรียนปิดเทอม คาดว่าหลังเปิดทำการสงกรานต์ข้อมูลทั้งหมดจะส่งมาถึงศธ.
ผู้ตรวจราชการศธ. กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลที่มีบัญชีรับเงินจากกองทุนเสมาฯ ขณะนี้มี 34 ราย พบรายชื่อข้าราชการและชื่อ-นามสกุลตรงกับข้าราชการ 7 คน เป็นข้าราชการชำนาญการพิเศษในสังกัดศธ. หรือระดับ 8 จำนวน 2-3 คน ส่วนที่เหลือเป็นระดับปฏิบัติการ และทหารยศนายสิบ ซึ่งบางคนได้เข้ามายืนยันตัวตนกับศธ.แล้ว แต่ยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยจะทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมที่ดิน หน่วยทหาร กรุงเทพมหานคร และกรมในสังกัดศธ. ให้ตรวจสอบรายชื่อ-นามสกุล ข้าราชการที่ตรงกับชื่อบัญชีผู้รับเงินจากกองทุนเสมาฯ ทั้งนี้ เพื่อยืนยันตัวบุคคลที่แท้จริงเนื่องจากในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรมีคนที่มีชื่อและนามสกุลซ้ำกันเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะดำเนินการใดๆจึงต้องตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลให้ชัดเจนก่อน
“ขณะนี้ตัวเลขความเสียหายยังระบุไม่ได้ชัดเจน จากข้อเท็จจริงคือมีการโอนเงินจากสำนักปลัดศธ. และเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชี ใครที่เป็นเจ้าของบัญชีถ้าไปขอดูสเตทเมนท์จะทราบว่าเงินถูกโอนมาจากสำนักงานปลัด ซึ่งจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องไม่ได้ แต่ถ้ายืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆก็ให้แจ้งมาที่ศธ. หรือเข้าให้ข้อมูลที่ป.ป.ท.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากการพูดคุยกับพยานที่เป็นอีกนักเรียนทุนพบว่า รับโอนเงินทั้งหมด 7 ครั้ง รวมกว่า 1 ล้านบาท และยังได้ชวนเพื่อนสนิทมาเปิดบัญชีให้กับนางรจนาด้วย แต่การตรวจสอบยังไม่พบว่ามีการโอนเงินเข้าไปยังบัญชีดังกล่าว” นายอรรถพล กล่าว
ด้านพ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการป.ป.ท. กล่าวว่า คดีดังกล่าวป.ป.ท.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว ขั้นตอนอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ยึดจากบ้านของนางรจนา ในระหว่างนี้ไม่จำเป็นต้องเรียกนางรจนามาเข้าให้ปากคำ เนื่องจาก ป.ป.ท. ทำงานในระบบไต่สวนมีกรอบระยะเวลา 6 เดือน ขณะนี้เพิ่งทำงานไปได้เพียง 15 วัน ตามขั้นตอนคือต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนแล้วเรียกนางรจนามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งกระบวนการยุติธรรมเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงหลักฐานเอกสาร ผู้ถูกกล่าวหาก็มีสิทธิแสดงความบริสุทธิ์ ในส่วนของคำร้องทุกข์กล่าวโทษและหลักฐานที่ศธ.นำมายื่นเพิ่มเติม สำนักงานป.ป.ท.ต้องเสนอให้บอร์ดป.ป.ท.ลงมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนเป็นรายบุคคลให้ครบทั้ง 44 ราย โดยที่ผ่านมา ศธ.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับนางรจนาเพียงรายเดียว
“ในส่วนของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.ฉ ได้เข้าร่วมตรวจสอบมาตั้งแต่ต้น ล่าสุดแจ้งคณะกรรมการธุรกรรมมีมติอนุมัติให้ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินกองทุนเสมาฯแล้ว ส่วนบุคคลที่มีชื่อเปิดบัญชีรับโอนเงินให้กับนางรจนา 2 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำ ในส่วนของยอดเงินที่บุคคลทั้ง 2 รับโอนถือเป็นรายละเอียดในสำนวนคดีไม่สามารถเปิดเผยได้ ทั้งนี้ป.ป.ท.ยังตอบไม่ได้ว่าจะสามารถกันตัวไว้เป็นพยานได้หรือไม่ โดยข้อมูลจากการให้ปากคำต้องนำไปประกอบกับหลักฐานทั้งหมด เพื่อเสนอให้บอร์ดพิจารณาลงความเห็นต่อไป”เลขาธิการป.ป.ท.ระบุ