จับตาสงครามการค้าจีน-สหรัฐ วางกรอบดัชนี 1,710 -1,760 จุด

จับตาสงครามการค้าจีน-สหรัฐ วางกรอบดัชนี 1,710 -1,760 จุด

"บล.โกลเบล็ก" จับตาสงครามการค้าจีน-สหรัฐ วางกรอบดัชนี 1,710 -1,760 จุด-แนะเก็งกำไร DTAC - MONO- CENTEL-ERW

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุผ่านทวิตเตอร์คาดว่าจีนจะเป็นฝ่ายยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้า และคาดจะบรรลุข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและมาตรการภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อกันได้  แม้จะยังคงจับตาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯรอบใหม่ โดยเฉพาะการตอบโต้จากจีนหลังสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ  และยังมีปัจจัยบวกจากภายในประเทศที่คาดการณ์แนวโน้ม GDP ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหนุนเรื่องกำลังซื้อในประเทศและความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจาก สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯรอบใหม่ โดยเฉพาะการตอบโต้จากจีนหลังสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์  จึงคาดว่าวอลุ่มตลาดจะเบาบางลง  นอกจากนี้ยังมีหุ้นใหญ่หลายตัวจะขึ้นเครื่องหมายXD อาทิ INTUCH, BANPU, BBL, KBANK, SCB, SCC และ fund flow ที่ยังผันผวน ในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4.9 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะนี้ ได้แก่ วันที่ 10 เม.ย. สหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ. และสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ วันที่ 11 เม.ย. สหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 20-21 มี.ค และในวันเดียวกัน(11 เม.ย.) ธปท. รายงานนโยบายการเงิน    

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มชะลอตัวโดยได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน  คาดSET ผันผวนในกรอบ 1,710 -1,760 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ DTAC ราคาหุ้นเป็น Laggard โดยลดลง 10 – 15% ตั้งแต่ช่วงปลายปี 60 หลังสัญญากับ TOT ได้รับการรับรองจาก กสทช.แต่ยังต้องรอการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด

รวมถึง XO คาดปี 61 จะเป็นปีทอง กำไรมีแนวโน้มเติบโต 57%  MONO เรตติ้งเดือนม.ค. – มี.ค. 61 ยืนอันดับที่ 3 จากต้นปี 60 อยู่ที่อันดับ4 , CENTEL และ ERW ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี และใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และหุ้นปันผลเด่น ได้แก่ BAFS, CRD, FTE, GLOW, KKP, NYT, SIS, SPRC, TISCO, QH, PDI, PL, AIT, AP, KIAT

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การออกมาตรการปกป้องธุรกิจในประเทศของสหรัฐฯยังคงเป็นปัญหาหลักสำหรับการค้าโลก  ซึ่งการที่สหรัฐฯทยอยเพิ่มรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีน และจีนได้โต้กลับด้วยมูลค่าความเสียหายที่ทัดเทียมกัน  กำลังทำให้สงครามการค้าระหว่างประเทศขยายวงกว้างและอาจส่งผลกระทบให้กับอีกหลายชาติที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯอาจเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดทั้งทางตรงและทางอ้อมจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น  ทำให้เงินสกุลดอลลาร์และราคาทองคำแกว่งผันผวนในระยะสั้นจากความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายรายวัน  แต่มีแนวโน้มที่เงินสกุลดอลลาร์จะอ่อนค่าในระยะกลาง  ซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ หากความขัดแย้งทางการค้านี้ยังคงอยู่

ทั้งนี้ สำหรับภาพทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวสะสมกำลังในกรอบรูปสามเหลี่ยมแบบ descendingเช่นเดียวกับสัปดาห์ที่แล้ว  จึงคงคำแนะนำให้เก็งกำไรในกรอบด้วยการรอจังหวะเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวลงในช่วงUS$1,300–1,315 แล้วแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นไปในช่วง 1,345–1,355 ดอลลาร์และถือต่อถ้าราคาทะลุผ่าน 1,360 ดอลลาร์ขึ้นไปได้