ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 9 - 13 เม.ย. 61

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 9 - 13 เม.ย. 61

ราคาน้ำมันดิบทรงตัว ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐปรับลดลง

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 65 -70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (9 – 13 เม.ย. 61)

ราคาน้ำมันดิบคาดจะทรงตัว หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ กลับมาดำเนินการอีกครั้งจากการปิดซ่อมบำรุงในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปค รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศลิเบีย และเวเนซุเอลา อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่ตึงเครียดมากขึ้น สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ประกอบกับ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มี.ค. 61 ปรับลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มาสู่ระดับ 425.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการกลั่นของโรงกลั่นในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 7 มาอยู่ที่ร้อยละ 93
  •  ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคในเดือนมี.ค. รายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยลดลง 90,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 32.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการปรับลดหลักๆ มาจากการแองโกลา ลิเบีย และเวเนซุเอลา
  • จับตาสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ ที่มีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากรัฐบาลจีนประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์หลายรายการจากสหรัฐ ซึ่งท่าทีของจีนครั้งนี้เป็นการตอบโต้สหรัฐ ที่ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ของจีนก่อนหน้านี้ หลังจากนั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แจ้งให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐ อาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศตึงเครียดมากขึ้น
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ ณ ปัจจุบันอยู่เหนือระดับต้นทุนการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตในสหรัฐ โดยในสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นราว 03 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา แตะระดับ 10.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และ EIA ยังคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ จะแตะ 11.25 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. 61 ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับระดับการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซีย ประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคสหรัฐ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน และปริมาณการส่งออกจีน

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (2 – 6 เม.ย. 61)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.95 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 62.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.53 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่มีความตึงเครียดมากขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่ปรับตัวลดลง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มที่ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน

 

-----------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

         โทร.02-797-2999