MORNING CALL ACTION NOTES (5 เม.ย.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (5 เม.ย.61)

แค่รีบาวด์

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวลดลง ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่กลับมากังวลสงครามทางการค้า ส่วนในประเทศมีปัจจัยลบรายกลุ่ม อาทิ ENERG และ BANK หลังมีความกังวลการรับซื้อไฟจากรัฐฯ การยกเลิกค่าธรรมเนียม โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,724.98 จุด (-40.26 จุด) Volume 9.32 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -3,859.63 ลบ.  TFEX Net -4,153 สัญญา ตราสารหนี้ -1,623.06 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปิดพุ่งโดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของทั้งฝั่งสหรัฐและจีนนั้น น่าจะยังไม่มีผลบังคับใช้

+สหรัฐคาดจะมีการเจรจาหย่าศึกการค้ากับจีนในที่สุด แต่กำหนดเวลายังไม่แน่นอน

+คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนก.พ. และการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 241,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.

-ดัชนีภาคบริการ PMI สหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 54.0 สอดคล้องกับดัชนีภาคบริการ ISM ที่ร่วงลงสู่ระดับ 58.8

-น้ำมันดิบปิดลบจากความกังวลเรื่องการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก

-ดัชนีภาคบริการ PMI ของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 52.3 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

-สหรัฐเปิดเผยรายการสินค้าเทคโนโลยีนำเข้าจากจีนที่จะเก็บภาษี 25% ส่วนจีนก็ได้เปิดเผยรายการสินค้าส่งออกสำคัญของสหรัฐที่จะเก็บภาษีในมูลค่าที่เท่ากัน เพิ่มความกังวลถึงผลกระทบจากสงครามการค้าต่อศก.โลก

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.94 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าสู่ 31.23 บาท/USD

** 6 เม.ย. สหรัฐ เปิดเผย ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับแรงหนุนตามตลาดเพื่อบ้านที่ยืนในแดนบวกหลังรับรู้ข่าวเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐไปแล้วในวานนี้ อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีทั้งยอดสั่งซื้อภาคโรงงานและยอดจ้างงานนอกภาคเอกชนเป็นปัจจัยหนุนต่อ SET ในวันนี้คาดกรอบการรีบาวด์1,718-1,746 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- MONO เรตติ้งเดือนม.ค. – มี.ค. 61 ยืนอันดับที่ 3 จากต้นปี 60 อยู่ที่อันดับ4

- GPI KKP TISCO TCAP หุ้นได้ประโยชน์จากงานมอเตอร์โชว์

- CENTEL ERW ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 19% ในเดือนก.พ.

- หุ้นปันผลเด่น BAFS CRD FTE GLOW KKP NYT SIS SPRC TISCO QH PDI PL AIT AP KIAT

หุ้นแนะนำพิเศษ

XO Analyst Meeting (ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการเชิงบวก)

  • รายงานกำไรปี 60 ที่ 59 ล้านบาท หดตัว 23%YoY เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการรับคืนสินค้าราว 6.5 ล้านบาท และมีการรับรู้ค่าเสื่อมราคาจากโรงงานใหม่หลังจากใช้กำลังการผลิตต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเข้ามาในค่าใช้จ่ายในการขายราว 19.4 ล้านบาท นอกจากนี้ GP ปรับตัวลงจาก 31% สู่ 29.4% เนื่องจากราคาน้ำตาลทรงตัวในระดับสูงและมีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนระหว่างโรงงานเก่าและโรงงานใหม่
  • ปี 61 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% สู่ 1.04 พันล้านบาท โดยจะเน้นการขยายตลาดไปยังประเทศออสเตรเลียและยุโรปตะวันออกเพิ่มเติม อีกทั้งสามารถลดต้นทุนค่าน้ำตาลได้ราว 20% จากการปล่อยลอยตัวของรัฐบาล และโรงงานใหม่คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตได้ดีขึ้นจาก 35% สู่ 40-45% ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเสื่อมราคาที่ถูกจัดสรรไปค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากปีก่อน
  • ความเห็น ฝ่ายวิจัยคาดว่าปี 61 จะเป็นปีทองของ XO เนื่องจากโรงงานใหม่ใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้น และสามารถลดต้นทุนราคาน้ำตาลได้ซึ่งเราคาดว่าส่งผลให้ GP เพิ่มขึ้นราว 2% สู่ 31% อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายรับคืนสินค้าอีก 11 ล้านบาทส่งผลให้ผลประกอบการปี 61 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว   

·        (-) KBANK (ราคาปิด 195.5 ถือ IAA Consensus 226) แจ้งปรับลดเป้าหมายทางการเงินในส่วนการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย  (Non-Interest Income Growth) สำหรับปี 61 เป็นหดตัว 6-8% จากเดิมทรงตัวจากปีก่อน โดยยังคงเป้าด้านอื่น ๆ ตามเดิม ได้แก่ การเติบโตของสินเชื่อที่ 5-7% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ราว 3.2 – 3.4% อัตราส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยราว 40% %NPL อยู่ที่ 3.3-3.4%

·        ความเห็น เป็นผลจากการยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมผ่านช่องทาง Digital ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนหน้า  คาดว่า Consensus จะปรับประมาณการรายได้และกำไรลดลงจากปัจจุบันที่คาดกำไรเติบโต 4% เหลือทรงตัวหรือลดลงจากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ปลายก.พ. 61 มีสินเชื่อคงค้าง 1.7 ล้านล้านบาท เติบโต 1.1%จากปลายปี 60 เทียบกับค่าเฉลี่ยของธนาคารขนาดใหญ่ที่หดตัว 0.06% จากปลายปี 60 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ KBANK ในฐานะที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและส่งผลให้มีความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น  แนะนำ ถือ

·        กลุ่มโรคมนาคม : การนัดหมายทำความเข้าใจเรื่อง การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการค่ายโทรศัทพท์เคลื่อนที่ระหว่าง TDRI และ กสทช.ต้องเลื่อนออกไปกระทันหัน (จากกำหนดการณ์เดิมคือเย็นวานนี้ 17.00 น.) ขณะที่ก่อนหน้าการเลื่อนนัด TDRI ออกมาให้ความเห็นต่อข้อมูลที่ทาง กสทช.ได้ยื่นต่อ คสช. คือ ขยายระยะเวลาเป็น 5 ปี พร้อมกับอัตราดอกเบี้ย 1.5% โดยมองว่า 1) ผู้ประกอบการทั้ง 2 รายมีศักยภาพเพียงพออยู่แล้วในการชำระเงินตามสัญญาเดิม โดยหากทำตามข้อเสอนของ กสทช.จริงอาจะเป็นการยกประเยชน์ของรัฐฯและประชาชนให้เอกชน กว่า 1.5 – 3 หมื่นล้านบาท 2) การมีผู้เข้าร่วมประมูลเพิ่มมากขึ้นและหนุนให้รัฐฯได้รับรายได้ที่สูงขึ้น ยังไม่มีสิ่งยืนยันชัดเจน (ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)

·        ความเห็น กลับมาเป็นความกังวลต่อผู้ประกอบการทั้ง 2 รายที่อยู่ระหว่างการรอพิจารณามาตรการช่วยเหลือจากทางภาครัฐฯ อีกครั้ง โดยคาดว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวในวันนี้ต่อน่าจะเป็น TRUE เพราะเมื่อพิจารณาในด้านการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นตั้งแต่มีการยื่นหนังสือกลับของ กสทช. เป็นบวกราว 4 – 5% ส่วน ADVANC มีการปรับลดลงมาสะท้อนความกังวลไปบางส่วนแล้วคือเป็นลบ 3% โดยรวมแนะนำให้ “ชะลอการเข้าเก็งกำไร” โดยติดตามการนัดทำความเข้าใจของ 2 หน่วยงานอีกครั้ง

·         (+) MBK (ราคาปิด 23.30 Bloomberg Consensus 25.50) (MBK ถือสยามพิวรรธน์ 35%)"สยามพิวรรธน์"พร้อมเปิด"ไอคอนสยาม"มูลค่า 5.4 พันลบ. ปลายปีนี้คาดดึงดูดนักท่องเที่ยว 21.9 ล้านคน/ปี

·        (+)BEM (ราคาปิด 7.15 Bloomberg Consensus 8.84) รฟม. ส่งซิกใช้ PPP Gross Cost เจรจา BEM รับงานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ผู้ว่าฯ เผยเหตุเป็นผู้รับงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงเหนืออยู่แล้ว ช่วยลดต้นทุน แถมสะดวกเดินทางเชื่อมต่อ (ที่มาข่าวหุ้น)

·        (+) BGRIM (ราคาปิด 22.50 Bloomberg Consensus 31.68) คว้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในอาเซียน 420 MW ในเวียดนาม เตรียมสรุปลงนามร่วมทุนปลายเดือนเมษายนนี้ ด้าน ซีอีโอ แจงบริษัทไร้ผลกระทบกรณีรัฐไม่ซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากนี้ไปอีก 5 ปี ชี้โครงการเซ็นสัญญาหมดแล้ว 2518 เมกะวัตต์ พร้อมเดินเกมรุกต่างประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+)TPIPP (ราคาปิด 6.40 Bloomberg Consensus 8.39) เผยโรงไฟฟ้าขยะ 90 MW เริ่ม COD เข้าระบบ กฟผ.ตั้งแต่ 5 เม.ย.รับ Adder 3.50 บ.

·         (+) IRPC (ราคาปิด 7.00 Bloomberg Consensus 7.98) วางงบ 600-800 ล้านเหรียญฯ M&A รง.ปิโตรฯเน้นในอาเซียน, ปีนี้กลั่นน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์

·        (+) BEC (ราคาปิด 12.50 Bloomberg Consensus 10.77)  ส่งซิก Q1/2561 ผลงานเทิร์นอะราวด์จากช่วง Q4/2560 ที่ติดลบ กระแสออเจ้า "บุพเพสันนิวาส" ดันยอดโฆษณากระฉูด มีแววเป้ารายได้ปี 2561 เกิน 1.12 หมื่นล้านบาท แถมซุ่มเจรจาขายลิขสิทธิ์ละครป้อนต่างประเทศ เปิดช่องรับทรัพย์เพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

·        (+)AOT (ราคาปิด 68.50 Bloomberg Consensus 70.53)  คาดสงกรานต์ 11-17 เม.ย.นี้ มีผู้โดยสารแห่เดินทาง 6 สนามบิน รวม 3.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14.4% มีเที่ยวบินรวม 17,550 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นเกือบ 12%

·        ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมา รมว.คมนาคม เล็งเสนอโครงการรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางใหม่ (เด่นชัย-เชียงของ และนครพนม-แม่สอด)เข้าครม.ราวพ.ค.-มิ.ย. คาดเริ่มก่อสร้างกลางปี 62

·        กลุ่มโรงกลั่นประสานเสียงยันรัฐปรับสูตรคำนวณราคาไม่กระทบ เหตุเจรจาซื้อขายตามสภาพตลาด