สคร.จับมือ5รัฐวิสาหกิจทำ 'บิ๊กดาต้า'

สคร.จับมือ5รัฐวิสาหกิจทำ 'บิ๊กดาต้า'

สคร.ลงนาม 5 รัฐวิสาหกิจร่วมจัดทำระบบ big data บูรณาการข้อมูล เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชน และ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจให้สูงขึ้น ประกอบด้วย เอสเอ็มอีแบงก์ กฟน. กฟภ. กปน.และกปภ.

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)เปิดเผยว่า วานนี้(3 เม.ย.)สคร.ได้ร่วมลงนามกับ 5 หน่วยงานรัฐ เพื่อจัดทำระบบ big data เพื่อบูรณาการข้อมูลยกระดับการให้บริการแก่ประชาชน โดย 5 หน่วยงานดังกล่าว ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอีแบงก์)การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) การประปานครหลวง(กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)

เขากล่าวว่า การเชื่อมโยงข้อมูลในทั้ง 5 หน่วยงานดังกล่าว จะทำให้การให้บริการแก่ประชาชน ที่ต้องการขอสินเชื่อจากเอสเอ็มอีแบงก์มีความสะดวกรวดเร็วขึ้น ทำให้ระบบการพิสูจน์ตัวตน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ตั้ง ปริมารการใช้น้ำและใช้ไฟฟ้าของผู้รายนั้นในแต่ละเดือน เพื่อประกอบการในการขอสินเชื่อจากธนาคาร

ทั้งนี้ เขากล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ ริเริ่มจัดทำระบบ Big Data ซึ่งเป็นระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อนำมาใช้ยกระดับการให้บริการประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจให้สูงขึ้น

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์กล่าวว่า  ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้ธนาคารรู้สถานะรวมถึงตัวตนของผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย หรือ Micro SMEs  ทำให้ผู้ประกอบการกกลุ่มนี้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้และแหล่งเงินทุนสินเชื่อของธนาคารได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน หน่วยงานผู้ให้บริการไฟฟ้าและประปา สามารถนำข้อมูลของผู้มาขอสินเชื่อกับธนาคารไปวิเคราะห์และปรับปรุงการให้บริการให้เหมาะสมกับสภาพธุรกิจ

นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวงกล่าวว่า ในอนาคต เมื่อการพัฒนาระบบ big Data มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จะทำให้การให้บริการแก่ประชาชนมีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น เช่น การขออนุญาตใช้ไฟฟ้า ประปา และการขอใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน อาจจะทำได้ ณ จุดเดียว

"กฟน. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบูรณาการฐานข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า โดยที่ผ่านมา กฟน. ได้มีการพัฒนางานบริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่อเนื่อง  ได้มีการร่วมมือกับกรมการปกครองดำเนินโครงการ Linkage Center เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและในครั้งนี้ กฟน.พร้อมต่อยอดโครงการดังกล่าวร่วมกับ ธพว. เพื่อการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ขอยื่นสินเชื่อ  ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับปรุงข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องและทำให้มีความถูกต้องแม่นยำ  เกิดการบูรณาการที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนเพิ่มมากขึ้น"

นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการ กปน.กล่าวว่า ในการสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยใหม่นั้น กปน.มีความมั่นใจในความสามารถของการให้บริการน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัยได้ทั่วถึงทุกรายและด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่มาสนับสนุนการปฏิบัติงานของ กปน. จะทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง

นายสมชาย มนต์บุรีนนท์ รองผู้ว่าการ(วิชาการ)รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า กปภ. มีภารกิจในการสำรวจและวางท่อประปา เพื่อให้บริการน้ำสะอาดที่ได้มาตรฐานแก่ประชาชนใน 74จังหวัดทั่วประเทศ(ยกเว้นกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ) ซึ่งมี กปภ. สาขากระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 234 สาขา ดังนั้น ระบบฐานข้อมูลของลูกค้าที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นการรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้น้ำและไฟฟ้า เข้าสู่ระบบ Big Data ซึ่งข้อมูลเหล่านั้น เช่น รหัสเครื่องวัดไฟฟ้า ,วันที่จดทะเบียนจอใช้ไฟฟ้า,ชื่อผู้จดทะเบียนขอใช้ไฟฟ้า,ที่อยู่ที่ติดตั้งเครื่องวัดไฟฟ้า และประวัติการใช้ไฟฟในแต่ละเดือน ,ส่วนข้อมูลน้ำประปา ก็จะเป็นข้อมูลเช่นเดียวกับข้อมูลไฟฟ้า ,ส่วนข้อมูลของ SME bank เช่น ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของกิจการ,ข้อมูลภาพถ่ายกิจการ และข้อมูลประเภทของกิจการ เป็นต้น