'พระครู' ฉาวสู้คดีอนาจารเด็กในกุฏิ ปี 48

'พระครู' ฉาวสู้คดีอนาจารเด็กในกุฏิ ปี 48

อดีตพระครูฉาว ลั่นสู้คดีอนาจารเด็กหญิง เตรียมพยาน 18 ปากสู้คดีอัยการฟ้อง ศาลตรวจดูบัญชีพยานให้สืบแค่ 7 ปาก ส่วนพยานอัยการ 9 ปาก เริ่มสืบนัดแรก ม.ค.ปี 62

เมื่อวันที่ 2 เม.ย.61 เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.434/2561 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พระครูกิตติพัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง อายุ 54 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค และอดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279

โดยคดีนี้ อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 9 ก.พ.61 บรรยายพฤติการณ์สรุป ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.48 เวลาหลังเที่ยงคืน - 30 เม.ย.48 เวลาใดไม่ปรากฏชัด พระครูกิตติพัชรคุณ จำเลยได้กระทำอนาจาร ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 1 โดยจำเลยนอนกอดและจูบแก้มผู้เสียหายที่ 1 ในห้องนอนของจำเลยที่กุฏิวัดลาดแค จ.เพชรบูรณ์ และระหว่างวันที่ 1-27 ก.พ.49 จำเลยยังได้ใช้มือลูบตามลำตัวและกอดจูบผู้เสียหายในห้องนอนของจำเลยที่กุฏิวัดลาดแคด้วย นอกจากนี้ยังใช้มือโอบกอดลูบตามลำตัวผู้เสียหายบนรถตู้ขณะเดินทางจากวัดลาดแค จ.เพชรบูรณ์ ไปที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อันเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และระหว่างวันที่ 1-31 พ.ค.48 เวลากลางวัน พระครูกิตติพัชรคุณ จำเลย ยังได้กระทำอนาจาร ด.ญ.บี (นามสมมติ) อีกคนอายุ 12 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 2 โดยจำเลยใช้มือล้วงภายในเสื้อขอผู้เสียหาย และลูบบริเวณหน้าท้องกับหน้าอกและอวัยวะเพศ ในห้องนอนของจำเลยที่กุฏิวัดลาดแค จ.เพชรบูรณ์

นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย.49 เวลากลางวัน จำเลยยังได้ทำอนาจารแก่ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) อายุ 14 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 3 โดยจำเลยได้ดึงมือผู้เสียหายเข้าไปโอบกอดในห้องพักของรีสอร์ทไม่ทราบชื่อ ตั้งอยู่ที่ ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เหตุเกิดที่ ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์, ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เกี่ยวพันกัน โดย พระครูกิตติพัชรคุณ จำเลย ซึ่งได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี 200,000 บาทและมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต ก็เดินทางมาศาล กับเสมียนทนายความ พร้อมตรวจพยานหลักฐานซึ่งคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

เมื่อถึงเวลานัด อัยการโจทก์ แถลงจะนำพยานเข้าสืบ 11 ปาก ขณะที่ฝ่ายจำเลย แถลง นำพยานสืบต่อสู้คดีรวม 18 ปาก
ศาลพิจารณาแล้วก็ให้ อัยการโจทก์ นำพยานเข้าสืบ 9 ปาก ส่วนจำเลยให้นำสืบพยานหักล้างรวม 7 ปาก โดยให้โจทก์-จำเลยใช้เวลาสืบพยานฝ่ายละ 2 นัด ซึ่งศาลให้นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก วันที่ 29 ม.ค.62 ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนพิจารณา พระครูกิตติพัชรคุณ กล่าวยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง ซึ่งหลังจากเป็นข่าวแล้วทำให้ได้รับความเสียหาย โดยเหตุการณ์ต่างๆมาจากมีปัญหากับนักการเมืองท้องถิ่น จึงขอความเป็นธรรมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีสำหรับ อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดนนี้ ยังตกเป็นจำเลย ร่วมกันสมคบฟอกเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัดต่างๆในเขต จ.เพรชบูรณ์ , นครสวรรค์ , ตากและชุมพร ราว 28 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา กรณีที่ร่วมกันกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. อายุ 59 ปี กระทำผิดด้วย โดยคดีฟอกเงินทอนวัดนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ก็ให้ประกัน อดีตเจ้าคระอำเภอชนแดน ไป 1.5 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลโดยเก็บหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของจำเลยไว้ ซึ่งจะคืนให้เมื่อสิ้นสุดสัญญาประกัน