ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 2 - 6 เม.ย. 61

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 2 - 6 เม.ย. 61

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง หลังผู้ผลิตเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิต ขณะที่อุปสงค์ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 63-68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 67-72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (2 – 6 เม.ย. 61)

ราคาน้ำมันดิบคาดจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า หลังได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคที่ยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่ได้ตกลงไว้ รวมถึง ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากโรงกลั่นทยอยกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจาก ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่คาดจะปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สอดคล้องกับปริมาณแท่นขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับลดลง หลังความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐ ฟื้นตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงประจำปี รวมถึง การส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่คาดจะปรับเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานกำลังการกลั่นของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 23 มี.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากสัปดาห์ก่อนหน้ามาแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 16.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ภาวะอุปทานมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณอุปทานส่วนเกินในตลาดให้กลับมาสู่ระดับสมดุล โดยระดับความร่วมมือของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มตกลงที่ร้อยละ 138 นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียเสนอให้ปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่องจนถึงปีหน้าและล่าสุดอยู่ระหว่างการหารือกับรัสเซียเพื่อหาข้อตกลงระยะยาว (10-20 ปี) ในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบ
  • ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้ผลิตเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องกว่า 2 สัปดาห์ติดต่อกันมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบสำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 797 แท่น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25 จากระดับต่ำสุดมาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.4 ล้านบาร์เรลต่อวันและคาดจะปรับตัวสูงขึ้นกว่า 11 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปีนี้
  • จับตาสหรัฐ และจีนว่าจะสามารถเจรจาหาข้อสรุปสำหรับสงครามทางการค้าได้หรือไม่ หลังในช่วงที่ผ่านมา นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามให้มีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มมากขึ้นมูลค่ากว่า 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากสินค้ากว่า 1,300 รายการ ส่งผลให้ประเทศจีนมีการตอบโต้โดยการประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เช่นกันเพื่อเป็นการตอบโต้ เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกว่าจะชะลอตัวลงและคาดจะกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมันของโลก
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการของสหรัฐ อัตราการว่างงานสหรัฐ และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการของยูโรโซน

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (26 – 30 มี.ค. 61)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.94 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 64.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.18 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 65.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยสหรัฐ ได้นำเข้าน้ำมันดิบมากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้ากว่า 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ กำลังการผลิตสหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ซึ่งแตะระดับเหนือ 10.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณแท่นขุดเจาะที่ปรับเพิ่มขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 797 แท่น อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปคที่ปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผู้ผลิตในกลุ่มโอเปคได้ปรับลดกำลังการผลิตกว่า 147 เปอร์เซ็นต์ นำโดยกำลังการผลิตเวเนซุเอลาที่ปรับลดลงมากกว่าครึ่งนับจากปี 2559 และซาอุดิอาระเบียที่เดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง

---------------------------------