"อนันตพร" เผยตั้งคกก.สอบสวน ทุจริตเงินคนจนแล้ว ยื่นข้อเสนอให้การดีมีประโยชน์ โทษหนักเป็นเบา
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เผยว่า เมื่อวาน (29 มี.ค.) ตนได้ลงนามคำสั่งกระทรวงแต่งตั้งคณะกรรมสอบวินัยร้ายแรงในกรณีทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องในการรายงานข้อเท็จจริงประมาณ 26 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้บริหารระดับสูง 2.กลุ่มผู้ปฏิบัติงาน และ 3.ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ที่ทำงาน แม้จะมีรายชื่อที่ถูกสอบสวน ถ้าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของคณะกรรมการก็จะกันไว้เป็นพยาน โทษหนัก ก็จะกลายเป็นเบา แต่จะให้ไม่สอบสวนเลยก็ไม่ได้ เพราะทุกคนมีความเชื่อมโยง ส่วนใครที่ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ แล้วโดนสอบสวนจนถึงที่สุดแล้วพบว่ามีความผิดก็ต้องโดนลงโทษ ตามเหตุของโทษนั้น ขอยืนยันเราทำตามกระบวนการ และขณะนี้ถือว่าที่ผ่านมาขั้นตอนทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ต่อจากนี้อยู่ที่คณะกรรมการจะพิจารณาว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน หรือใครให้ข้อมูลเป็นประโยชน์บ้าง
เมื่อถามว่าปลัด และรองปลัด พม. จะถูกกันไว้เป็นพยานหรือถูกซัดทอดหรือไม่ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงกันไว้เป็นพยานยาก เขาต้องหาหลักฐานล้างข้อกล่าวหาเองว่าไม่ได้ทำความผิดเพราะอะไร
ส่วนมีการทุจริตระดับใดบ้างนั้น พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า มีทุกระดับ ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการ ซึ่งบางคนบอกว่าจะต้องส่งเงินให้กับผู้บริหาร โดยฝั่งผู้บริหารก็ต้องแก้ข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับเงิน หรือไม่ได้ให้ส่งเงิน
เมื่อถามย้ำว่ามีอะไรบ่งชี้ว่า ปลัด และรองปลัด พม. มีความเชื่อมโยงการทุจริตบ้าง พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า พยานบางคนให้การว่าต้องนำเงินมาส่ง โดยมีการระบุชื่อมาด้วย ซึ่งหลักฐานก็ต้องไปดูว่า เขาส่งเงินจริงหรือไม่ หากเป็นเงินสด ก็ต้องดูกันว่าหลักฐานเป็นอย่างไร ถ้าโอนเข้าบัญชีก็ต้องดูเส้นทางการเงิน หรือถ้ามีเงินมาส่ง ก็ต้องสอบว่าให้จริงหรือไม่ ให้วันไหน เวลาใด ซึ่งขณะนี้เราสอบสวนของปี 60 เป็นหลักก่อน ส่วนของเก่าในปีถัดๆไปจะสอบสวนตามมา เพราะถ้าโลภมาก จะไม่ได้อะไรเลย ทั้งนี้การสอบสวนยังไม่มีการโยงไปถึงตัวรัฐมนตรี เพราะอำนาจจบแค่ระดับอธิบดี
เมื่อถามอีกว่า ประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงจะเป็นใครนั้น พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา (กกอ.) ซึ่งเป็นคนของกระทรวงศึกษาธิการ ทั้รี้เราจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วันในการสอบ โดยตนอยากให้การสอบสวนเสร็จสิ้นให้เร็ว แต่ต้องเข้าใจว่าการทำงานของคณะกรรมการ จะต้องแยกสอบเป็นกลุ่ม ว่ากลุ่มไหนใครเป็นพยาน ใครเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ใครไม่ได้บกพร่องในการทำงาน ไม่ใช่ ว่าทุกคนจะมีความผิดเท่ากัน แต่เราก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบ เพราะมีความเชื่อมโยงกันกับการสอบครั้งแรก
“เรามีความจำเป็นจะต้อง ตั้งคณะกรรมการสอบ บางคนอาจจะตกใจว่าทำไมโดนสอบ แต่ผมอยากบอกว่าคนที่มีชื่ออย่าตกใจ ถ้าไม่ได้ทำผิด แค่โดนสั่งให้ไปเป็นพยาน ถ้าคณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าข้อมูลถูกต้อง ไม่ได้กล่าวหาใส่ร้าย ป้ายสีใคร รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทางคณะกรรมการก็จะกันไว้เป็นพยาน โทษหนักเป็นเบาแน่นอน” พล.อ.อนันตพร กล่าว