'ซิโน-ไทย' จ่อฟ้อง1.6พันล. ค่าเสียหายสร้างรัฐสภาใหม่

'ซิโน-ไทย' จ่อฟ้อง1.6พันล. ค่าเสียหายสร้างรัฐสภาใหม่

เลขาธิการสภาฯ นำทีมแจงเหตุเตรียมขอ ครม.เพิ่มงบก่อสร้างรัฐสภาใหม่ แจงขยายสัญญา 3 รอบ จากปัญหาส่งมอบที่ดิน ด้านซิโน-ไทย ผู้รับเหมาจ่อฟ้องเรียกค่าเสียหายเบื้องต้น 1,600 ล้านบาท

หลังจากถูกฝ่ายการเมืองตั้งคำถามถึงการเตรียมเสนอ ครม.ขอเพิ่มงบประมาณโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ล่าสุดที่รัฐสภา วันนี้ (29 มี.ค.) นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร น.ส.พรรษมนต์ ไทยวัฒนานุกูล รองเลขาธิการฯ และนายพีระ นาควิมล ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าว ชี้แจงถึงปัญหาและความคืบหน้าของโครงการ พร้อมทั้งแจกเอกสารแสดงรายละเอียดการใช้งบประมาณในส่วนต่างๆ

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการรัฐสภา ชี้แจงว่า การของบประมาณเพิ่มเติมมีความจำเป็นเพื่อให้การดำเนินการก่อสร้าง และการใช้อาคารรัฐสภาเป็นไปโดยสมบูรณ์แบบ ถูกต้องตามวัตถุประสงค์และความจำเป็นเร่งด่วน เพราะเดิมโครงการดังกล่าวจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ธ.ค.2562 แต่ปัจจุบันติดปัญหาการส่งมอบพื้นที่อาคารรัฐสภาเดิมที่จะต้องส่งมอบพื้นที่ภายในสิ้นปีนี้ ขณะนี้เหลือเวลาไม่ถึง 1 ปี จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน เพราะที่ผ่านมาเราเสียเวลาไปเป็นเวลามากแล้ว หากการก่อสร้างไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดก็อาจเกิดความเสียหายมากขึ้น

ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับงบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ถือว่ามีความจำเป็นเพราะถ้ามีเพียงโครงสร้างหลักแต่ไม่ได้นำระบบต่างๆ ไปใส่ไว้ ก็จะเกิดความเสียหายได้ จึงควรมีการดำเนินการควบคู่กันไป

“ล่าสุดได้หารือกับทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการปรับลดงบประมาณบางส่วนที่ไม่จำเป็น และขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งจะพยายามเสนอเข้าที่ประชุมครม.โดยเร็วที่สุด” เลขาธิการสภาฯ ระบุ

ด้านนางพรรษมนต์ ไทยวัฒนานุกูล รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในประเด็นการใช้งบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนั้น ขอชี้แจงว่าเดิมทีการออกแบบอาคารรัฐสภา ได้มีการออกแบบในส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศไว้เพียงแต่เบื้องต้น ไม่รวมถึงเรื่องแอปพลิเคชัน รวมถึงระบบอื่นๆ โดยบริษัทที่ออกแบบได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าให้รัฐสภาจ้างที่ปรึกษาเพิ่มเติม

"ผู้ชนะการออกแบบ กิจการร่วมค้าสงบ 1051 ได้ออกแบบระบบไอทีพื้นฐานของอาคารไว้ เช่น เรื่อง ท่อสาย ระบบ สวิตซ์ แต่ไม่รวมแอพพลิเคชั่น ที่หมายถึงระบบการลงคะแนน การนับคะแนนในที่ประชุม มูลค่า 3,000 ล้านบาท ถามว่า สามารถทำตามที่สงบฯ ออกแบบไว้ได้หรือไม่ ตอบว่า ทำได้ แต่ใช้อาคารไม่ได้ เพราะไม่มีระบบรองรับการประชุม เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น ทั้งระบบ data center NOC และSOC จึงเป็นที่มาให้เราจ้างบริษัท เมอร์ลิน โซลูชั่น มาทบทวนแบบที่สงบฯ ออกแบบไว้ ทำให้จากระบบอนาล็อกเป็นระบบดิจิทัล เช่น การเพิ่มเติมจุดกระจายสัญญาณ กล้องวงจรปิด วางระบบรักษาความปลอดภัยด้านไอที ใช้ระบบตรวจสอบลายนิ้วมือก่อนลงคะแนน เพื่อแก้ปัญหาที่ผ่านมา จอในห้องประชุมแสดงผลระดับ 4 k รวมงบไอทีที่เพิ่มขึ้นมาคือ 6,400 ล้านบาท เพื่อมุ่งสู่รัฐสภาในระบบดิจิทัล ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ยืนยันว่า ราคาจะยึดตามสเปคของกระทรวงดีอี ยกเว้นแต่พวกสมรรถนะสูง เช่น ห้อง data center NOC และSOC เรื่องแบบไม่ใช่ความผิดของสงบฯ เนื่องจากเขามองระบบไอทีในขณะนั้น ซึ่งระบุให้ทางสำนักงานไปหาหมวดระบบไอทีและโสตเพิ่มเติมทีหลังอีก 10 รายการ

ด้านนายพีระ นาควิมล ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงผลกระทบต่อบริษัท ในประเด็นการขยายเวลาการก่อสร้างว่า การต่อสัญญา ซิโนไทยไม่ได้อยากขยายเพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกอย่างในแต่ละวัน อยู่ที่วันละ 1 ล้านบาท มันเป็นการต่อสัญญาทั้งน้ำตา เพราะทำงานไม่ได้แต่มีค่าใช้จ่ายทุกวัน รวมเวลาที่ขยาย 1,400 วัน ก็ 1,400 ล้านบาท ด้านส่วนราชการเองก็ต้องเสียเงินค่าน้ำค่าไฟให้สำนักงานแต่ละที่รวม 10 ล้านบาทต่อเดือน การต่อสัญญาจึงไม่เกิดผลดีทั้งต่อภาครัฐและเอกชน สัญญา 900 วัน กับพื้นที่ก่อสร้างเกือบ 5 แสนตารางเมตร เป็นเรื่องที่ท้าทายหลักวิศวกรมาก เราไม่เคยคิดว่าจะเกิดปัญหาที่สร้างความเสียหาย จนถึงขั้นต้องเตรียมการสำรองการขาดทุนไว้ 3,000 ล้านบาท ส่วนจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานหรือไม่ต้องรอดูอีกครั้ง หากนับถึงการขยายเวลาครั้งที่ 2 เราแจ้งยอดให้สำนักงานไปที่ 1,673 ล้านบาท ส่วนการต่อสัญญาครั้งที่ 3 จะเรียกอีกเท่าไรจะสรุปได้ในเดือน เม.ย.นี้ เมื่ออาคารก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่กังวลคือ การทดสอบไฟที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งคิดเป็นการใช้ไฟ 2 อำเภอพร้อมกัน โดยค่าขอใช้ไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อทดลองจะตกอยู่ที่ 30 ล้านบาท

สำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายจากทางรัฐสภา เรื่องนี้คงต้องขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ซึ่งตัวเลขที่ยื่นไปอยู่ที่ประมาณ 1,673 ล้านบาท ส่วนจะดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายการเมืองที่แถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายติดตามการให้ข้อมูล หากเข้าข่ายหมิ่นประมาท หรือทำให้เสียชื่อเสียง ความเกลียดชัง บริษัทก็คงจะรักษาสิทธิในส่วนนี้ต่อไป