ปณทปรับทัพรับโลจิสติกส์-อีคอมเมิร์ซพุ่ง

ปณทปรับทัพรับโลจิสติกส์-อีคอมเมิร์ซพุ่ง

“ไปรษณีย์ไทย” ตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจลอจิสติกส์โตอีก 18% รักษาอันดับ 1 กินส่วนแบ่งในตลาดเกิน 52% ระบุต้องหาบริการที่ดีมารองรับลูกค้าอีคอมเมิร์ซ ล่าสุดทุ่มกว่า 160 ล้านบาท เพิ่มรถยนต์นำจ่ายสินค้าหวังลดปริมาณสิ่งของเสียหายระหว่างนำส่ง

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า จากการการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีปีนี้ไปรษณีย์ไทยยกระดับระบบงานนำจ่ายให้มีประสิทธิภาพภาพมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดเพิ่มจำนวนรถยนต์เพื่อนำมาช่วยในการนำจ่ายจำนวนกว่า 200 คันทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 160 ล้านบาท เพื่อรองรับกับปริมาณงานที่มีอยู่จำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่า 8 ล้านชิ้นต่อวัน และช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถนำจ่ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ตามมาตรฐานกำหนด

นอกจากนี้ ยังเป็นการป้องกันสิ่งของที่ฝากส่งเสียหายจากการซ้อนทับกันในระหว่างขั้นตอนการนำจ่ายอีกทางหนึ่ง โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นการพัฒนาระบบการให้บริการและเพิ่มมาตรฐานคุณภาพระบบงานนำจ่ายตามนโยบายไปรษณีย์ไทย 4.0 ซึ่งไปรษณีย์ไทยหวังว่าจะสอบสนองความสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ใช้บริการอีกทางหนึ่งด้วย 

“ช่วงเม.ย.-พ.ค. ไปรษณีย์ไทยจะออกแคมเปญส่งของชิ้นใหญ่มีน้ำหนักเกิน 5 กิโลกรัมขึ้นไป เพราะแนวโน้นคนส่งของใหญ่มากขึ้น การที่ไปรษณีย์ไทยเพิ่มจำรวนรถครั้งนี้เพื่อรองรับการนำส่งสิ่งของขนาดใหญ่ ซึ่งภายในปีนี้จะเพิ่มรถนำจ่ายอีกกว่า 600 คัน คันละ 8 แสนบาท เพื่อกระจายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ”

นางสมร กล่าวว่า กลางปีนี้ไปรษณีย์ไทยจะมีแคมเปญดีๆ สำหรับลูกค้าอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ อาทิ การออกไปรับฝากของข้างนอก ซึ่งขณะนี้ ได้มีบริการออกรับฝากของถุงบ้านลูกค้าแล้วกว่า 100 ที่ โดยหากลูกค้าอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สนใจมีปริมาณการส่งสินค้าเดือนละราว 3,000 ชิ้นขึ้นไป สามารถติดต่อได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ได้ทันที อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นเหมาส่งในราคาพิเศษ ซึ่งปีนี้ ไปรษณีย์ไทยจะเน้นให้บริการรับฝากส่งนอกที่ทำการและรับฝากส่งสิ่งของขนาดใหญ่ เพื่อตอบรับธุรกิจคอมเมิร์ซ

ทั้งนี้ ด้วยตลาดอีคอมเมิร์ซโตขึ้นทำให้ตลาดขนส่งลอจิสติกส์ขยายตัวตามอย่างเห็นได้ชัด โดยปี 2560 ที่ผ่านมามีมูลค่าอยู่ที่ 25,500 ล้านบาท หรือ 489.3 ล้านชิ้น ซึ่งไปรษณีย์ไทย มีส่วนแบ่ง 52% หรือ ราว 12,700 ล้านบาท โดยปีนี้ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าการเติบโตในตลาดนี้ 18% และจะรักษาความเป็นอันดับ 1 จึงต้องหาบริการที่ดีมารองรับลูกค้าอีคอมเมิร์ซ ซึ่งชื่อว่าบริการดังกล่าวจะตอบรับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งคู่แข่งเอกชนรายอื่นๆ จะเน้นการทำราคา และเมื่อมีการปรับราคาก็จะมาใช้บริการของไปรษณีย์ไทย

และตนเชื่อว่าการที่ไปรษณีย์ไทยเป็นหน่วยงานของรัฐ บริการด้วยราคามาตรฐาน มีเครื่อข่ายทั่วประเทศกว่า 1,600 จุด จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะใช้บริการ นอกจากนี้ มีแผนจะขยายเวลาเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงโดยในปีนี้ จะเปิดให้บริการสาขา 24 ชั่วโมงอีก 10 แห่ง เช่นตลาด 4 มุมเมือง หรือสถานบริการน้ำมันปตท.เป็นต้น