MORNING CALL ACTION NOTES (27 มี.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (27 มี.ค.61)

คลายกังวลสงครามการค้า

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวในกรอบแคบจากวันทำการก่อนหน้า หลังคลายความกังวลการชัทดาวน์สหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง น้ำมันดิบดีดตัวขึ้น  โดยรวม SET Index หนุนโดยกลุ่ม ENERG และ ICT เป็นหลักตามลำดับ ถูกหักล้างบางส่วนโดย TRANS และ BANK ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,801.10 จุด (+6.89 จุด) Volume 4.18 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -2,189.50 ลบ.  TFEX Net -1,918 สัญญา ตราสารหนี้ +190.24 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปิดพุ่งหลังจากมีรายงานว่า จีนได้ประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า

+ยอดขายรถยนต์เดือน ก.พ. +10.2%YoY แนวโน้มเดือน มี.ค.ยังคงเติบโต

-น้ำมันดิบปิดลบเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นราว 5.7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

-ทรัมป์ ประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 60 คนออกจากสหรัฐ ตอบโต้วางยาอดีตสายลับที่อังกฤษ

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.65 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.15 บาท/USD

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยหนุนจากตลาดต่างประเทศและตลาดหุ้นภูมิภาคดีดตัวจากคลายกังวลสงครามการค้า  โดยยังมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และ Fund Flow ผันผวน  คาด SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,793-1,813 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- กลุ่มทีวีดิจิติล คสช.เตรียมพิจารณาใช้ ม.44 ช่วยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลพักชำระค่าสัมปทาน 3 ปี

- KKP TISCO TCAP ได้ประโยชน์จากตลาดรถยนต์ฟื้นและงานมอเตอร์โชว์หนุนสินเชื่อเช่าซื้อเร่งตัวขึ้น

- PTTEP PTTGC IVL ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง 65.55 $/bbl

- CENTEL TOP TMB CPN ROBINS คาดเป็น target ทำ window dressing

- GFPT TFG จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย

- CENTEL ERW ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 19% ในเดือนก.พ.

- หุ้นปันผลเด่น BAFS CRD FTE GLOW KKP NYT SIS SPRC TISCO QH PDI PL AIT AP KIAT

- หลีกเลี่ยงกลุ่มยางพาราและกลุ่ม NGV ราคายางพาราปรับตัวลง 10%MTD สู่ 168เยน/KG / ยอดใช้ NGV หดตัว 5.8% ใน 1Q61

หุ้นแนะนำพิเศษ

GPI (ราคาปิด 3.44 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.20 บาท)

- ใกล้เข้ามาทุกขณะ สำหรับงาน “Bangkok International Motor Show 2018” ในระหว่างวันที่ 28 มี.ค. – 8 เม.ย. 61 ซึ่งเป็นการจัดงานโดย GPI เป็นครั้งที่ 39 ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานโลก โดยบริษัทได้รับเงินสดล่วงหน้าก่อนจัดงานที่มีการปรับอัตราค่าเช่าบริการขึ้น 7% ตั้งแต่ในช่วง 4Q60

- จัดเป็น Event ที่อยู่ในกระแสของการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถ EV ที่มากขึ้น ผนวกกับผู้ประกอบการปล่อยสินเชื่อยังมีการแข่งขันสูง (อาทิ การให้ดอกเบี้ย 0%) หนุนให้งานมหกรรมมีโอกาสคึกคักสูง และจะส่งผลให้แนวโน้มการเช่าใช้พื้นที่ส่วนอื่นนอกเหนือจากพื้นที่จัดแสดง มีอัตราเช่าได้เต็มที่

- โดยรวมยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” GPI ด้วย Valuation ที่ยังอยู่ใน lower band ของ PER กล่าวคือ มี Cash Adjusted PER เพียง 11 – 12 เท่า พร้อมด้วย Upside Potential จากทั้งการรับงาน Air Race 1 และงาน Motor Show ที่ประเทศเมียนมาร์ 2 ครั้งในช่วงปลายปี

หลักทรัพย์เริ่มซื้อขายวันแรก :   BMSCG

ตลาดรอง  :   SET / ETF

กองทุนเปิด BCAP MID SMALL CG ETF (BMSCG) เข้าซื้อขายใน SET ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.61 มีจำนวนหน่วยลงทุน 200 ล้านหน่วย พาร์ 10 บาท/หน่วย มีราคาเสนอขาย 10 บาท/หน่วย โดยกองทุนจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management Strategy) เน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี BCAP Mid Small Cap CG Index TR รวมถึงหุ้นที่อยู่ระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงดังกล่าวด้วย โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนซึ่งส่งผลให้มี net exposure ในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและบริษัทขนาดเล็กที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี  รวมถึงบริษัทที่ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (CAC) ซึ่งการพิจารณาการกำกับดูแลกิจการที่ดีอาจพิจารณาจากการจัดอันดับ CG Scoring ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย หรือหน่วยงานอื่นใด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณาเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Full Replication หรือ Optimization เพื่อให้กองทุนสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนี BCAP Mid Small Cap CG Index TR

บริษัทจัดการ         :         บลจ.บางกอกแคปปิตอล จำกัด

ผู้ดูแลสภาพคล่อง   :         บล. บัวหลวง

 

หุ้นมีข่าว   

·        (+) CBG คาดกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อนตามยอดขายที่คาดโตกว่า 30% โดยเฉพาะตลาดตปท. เตรียมขออนุมัติผถห.ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 5 พันลบ.ใน Q3/61 เพื่อรีไฟแนนซ์ลดภาระดบ.ราว 15-30 ลบ. (ที่มา อินโฟเควสท์)

·        SEAFCO บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.9 พันล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ที่ 2,557.07 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ราว 2,047.64 ล้านบาท และที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป โดย Backlog ดังกล่าวยังไม่รวมโครงการ One Bangkok ที่บริษัทเพิ่งได้งานมา 2 เฟส จาก 4 เฟส มูลค่า 1,200 ล้านบาท

·          บริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 10,221 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐ ซึ่งปีนี้คาดหวังจะมีสัดส่วนงานภาครัฐเพิ่มขึ้นมาที่ 80% จากปีก่อนอยู่ที่ 30-40% และงานภาคเอกชนปีนี้จะปรับตัวลงอยู่ที่ 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 70% อย่างไรก็ตามบริษัทมีการรับงานภาครัฐมากขึ้น โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีชมพู

·          ขณะที่งานจากต่างประเทศปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้เติบโตเป็น 5% หลังจากที่ผ่านมาบริษัทเข้าไปรับงานที่ประเทศเมียนมามูลค่า 140 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างประมูลงานเพิ่มเติม

·          สำหรับการลงทุนในปีนี้ บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนเครื่องจักรใหม่ แต่จะใช้ในการลงทุนด้านอื่นๆ จึงส่งผลทำให้จะใช้งบลงทุนในระดับที่ต่ำกว่าปีก่อน โดยปีก่อนบริษัทใช้งบลงทุนไปแล้วราว 300-400 ล้านบาท

·        (+) TVD เซ็นสัญญาร่วมผลิตรายการช่องสปริงนิวส์ 4 ปี เพิ่มสัดส่วนผังรายการแนะนำสินค้า หนุนรายได้เพิ่มอีก 10-20% รุกเจรจาร่วมผลิตรายการกับช่องทีวีดิจิทัลอีก 2 ราย คาดเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพเกี่ยวกับฟินเทค 2-3 รายทั้งในไทย-ตปท. คาดชัดเจนใน 2-3 เดือน