ดิจิทัลพาร์ทเนอร์ จุดปฏิวัติเอสซีจีซิเมนต์

ดิจิทัลพาร์ทเนอร์ จุดปฏิวัติเอสซีจีซิเมนต์

นวัตกรรมบ้านเย็นอยู่สบายผนวกดิจิทัลเทคโนโลยี ขานรับเทรนด์สมาร์ทลิฟวิ่ง เป็นการปรับตัวล่าสุดของเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ให้ทันความเปลี่ยนแปลงจากคลื่นเทคโนโลยี

นวัตกรรมบ้านเย็นอยู่สบายผนวกดิจิทัลเทคโนโลยี ขานรับเทรนด์สมาร์ทลิฟวิ่ง เป็นการปรับตัวล่าสุดของเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ให้ทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากคลื่นเทคโนโลยีดิสรัปชั่นที่ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและคู่ค้า

ยกตัวอย่าง การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ มาวิเคราะห์และช่วยตอบคำถามอัตโนมัติอย่างรวดเร็วให้กับลูกค้า ทั้งเรื่องบ้าน ชื่อสินค้าหรือระบุตำแหน่งร้านค้าที่ต้องการ หรือการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นทำหน้าที่เสมือนที่ปรึกษาเจ้าของบ้านในการสร้าง ซ่อมและต่อเติม ตลอดจนหน้าร้านออนไลน์และระบบดิจิทัลเพย์เมนท์ หรืออี-วอลเลท เพิ่มความสะดวกในการซื้อและชำระสินค้า

เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจ

นายนิธิ ภัทรโชค รองประธานกลุ่มธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า เทคโนโลยีทำให้หลายอย่างที่ในอดีตทำไม่ได้แต่ปัจจุบันทำได้ เช่น การซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันโดยไม่ต้องเปิดหน้าร้าน แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากและทำให้ธุรกิจต้องปรับตัว คือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนวันละหลายชั่วโมง ทั้งการทำงาน บันเทิงและธุรกรรมทางการเงิน ฯลฯ

การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจโลกใหม่ที่แตกต่างจากโลกเก่า ซึ่งเกิดจากดิจิทัลเทคโนโลยี เป็นที่มาของทิศทางการทำธุรกิจในกลุ่มธุรกิจ ซิเมนต์ฯ เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เริ่มจากการปฏิวัติช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วย “ออมนิ ชาแนล” (Omni-channel ) เพิ่มจากเดิมที่มีหน้าร้าน ตัวแทนจำหน่าย เปลี่ยนมาสู่การขายผ่ายอีคอมเมิร์ซ เฟซบุ๊ก ไลน์ โมบายแอพ และอื่นๆ เพื่อให้เกิดโอกาสในการขายมากขึ้น และตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลซึ่งสื่อสารได้ทุกที่ทุกเวลา

ออมนิ ชาแนล เป็นการเชื่อมโยงช่องทางจำหน่ายออนไลน์ผ่านทางไลน์ เฟซบุ๊ก กำลังจะเปิดตัวแอพพลิเคชันและออฟไลน์แบบไร้รอยต่อผ่านดีลเลอร์ ซึ่งเรียกว่า “ดิจิทัลพาร์ทเนอร์” นำร่องในกรุงเทพฯและปริมณฑล 10 ราย จากดีลเลอร์ทั่วประเทศ 500 รายและ ซัพดีลเลอร์ 7,000 ราย

ไม่รวมช่องทางการกระจายสินค้าในเครือเอสซีจี ที่จำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รวมทั้งสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งสวนจำนวนกว่า 100 รายการ ปีนี้เพิ่ม 1,000 รายการ อนาคต 2-3 ปีจะเพิ่มเป็นหมื่นรายการ เพื่อรองรับลูกค้าหลากหลาย ทั้งบีทูบี บีทูซี ซีทูซี ด้วยการต่อจิ๊กซอว์ตามเทคโนโลยีที่เข้ามาทั้งในช่องทางจำหน่าย การให้ข้อมูล การจ่ายเงินและจะเปิดตัวอี-วอลเลท ในครึ่งปีแรกนี้

แม้ว่ากลุ่มธุรกิจซิเมนต์ฯ จะได้รับความเชื่อมั่นในตราสินค้าและคุณภาพมานานกว่า 100 ปี แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ จึงต้องอาศัยข้อมูลจากบิ๊กดาต้าเพื่อเข้าใจลูกค้าเป็นรายบุคคลได้ดียิ่งขึ้น เพราะในยุคนี้ต้องเป็นแบบ ซีทูบี ( Consumer to Business) ทำให้ปิดการขายได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าช่องทางจำหน่ายผ่านทางอีคอมเมิร์ซ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปีละ 100% แต่หากเทียบสัดส่วนรายได้โดยรวมของกลุ่มซิเมนต์ฯ ที่มีรายได้ประมาณ 170,944 ล้านบาท ซึ่งยังมีสัดส่วนน้อย แต่เป็นช่องทางที่มีอนาคต เพราะเติบโตแบบก้าวกระโดด

เซอร์วิสโซลูชั่นพ่วงนวัตกรรม

ขณะเดียวกันในส่วนของการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบความต้องการในตลาดแต่ละเซกเมนต์ โดยผนวกสินค้า บริการ เข้ากับสมาร์ทเทคโนโลยีให้เป็นเซอร์วิสโซลูชั่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ก็เป็นเรื่องที่เอสซีจีให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนามาโดยตลอเช่น การต่อยอดนวัตกรรมที่มีอยู่ให้กับกลุ่มโซลูชั่นสำหรับผู้สูงวัย ล่าสุดได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราชเปิด “ศูนย์ความรู้สูงวัย” บูรณาการความรู้ด้านการอยู่อาศัย การแพทย์ และศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนอีกด้วย

“ในส่วนของบ้านอยู่เย็น เราขายหลังคาที่มีเทคโนโลยีลดความร้อนในรูปแบบต่างๆ ยึดเกาะหลังคา บวกบริการ ออกแบบ ให้คำปรึกษา สามารถใช้เทคโนโลยีคำนวณราคาค่าใช้จ่ายได้ทันทีจากกูเกิ้ล เอิร์ท พร้อมรับประกัน หรือการพัฒนานวัตกรรมบ้านเย็นอยู่สบายที่รวมหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกันให้กลายเป็นวัสดุเบอร์ 5 +ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้สูงสุด เช่น หลังคา ฉนวน อิฐมวลเบา บวกระบบระบายอากาศ ฝ้าระบายอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านให้เย็นสบายมากขึ้น ลดพลังงาน 17-19%”

แนวโน้มของเทคโนโลยีบ้านเย็น จะไปในทิศทางที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยใช้สมาร์ทเทคโนโลยีเข้ามาช่วยควบคุมการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคู่กับการใช้ระบบเซนเซอร์และไอโอที จากในอดีตเทคโนโลยีไปไม่ถึง หรือเทคโนโลยีไปถึงแล้วแต่ราคาแพง แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีราคาถูกลงการเข้าถึงจึงง่ายขึ้น