MORNING CALL ACTION NOTES (23 มี.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (23 มี.ค.61)

วันแดงเดือด

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นก่อนจากที่เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด และอ่อนตัวลงในช่วงบ่ายโดยมีแรงขายออกมาในกลุ่ม BANK ICT และ MEDIA ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,798.55 จุด (-2.88 จุด) Volume 5.04 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +948 ลบ.  TFEX Net -2,593 สัญญา ตราสารหนี้ +10,421 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกม.งบประมาณ $1.3 ล้านล้าน ก่อนยื่นให้สภาผู้แทนฯ-วุฒิสภาอนุมัติเพื่อเลี่ยงชัตดาวน์

+ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.6% สู่ระดับ 108.7 ในเดือนก.พ. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

+สศก. คาด GDP เกษตร Q1/61 โต 3.8% มั่นใจทั้งปีโต 3-4% ได้ปัจจัยเรื่องน้ำ-อากาศ-นโยบายด้านเกษตรหนุน

-ดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 700 จุดหลังทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ

-น้ำมันดิบปิดลบเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร

-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการสหรัฐ ชะลอตัวลงสู่ระดับ 54.3 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และจำนวนชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 229,000 ราย

-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการยูโรโซน อยู่ที่ 55.3 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งอ่อนค่าสู่ 31.30 บาท/USD

**จับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

**23 มี.ค. จับตาชัตดาวน์สหรัฐ

คาดภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ถูกกดดันหนักจากความกังวลสงครามการค้าโลกที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ราคาน้ำมันที่ปรับลง และ Fund Flow ผันผวน บดบังปัจจัยบวกเรื่องสหรัฐหลีกเลี่ยงชัตดาวน์รอบนี้ได้แล้ว จึงคาด SET จะอ่อนตัวในกรอบ 1,771-1,800 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- KCE DELTA ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 31.30บาท/USD

- CENTEL TOP TMB CPN ROBINS คาดเป็น target ทำ window dressing

- GFPT TFG จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย

- CENTEL ERW ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 19% ในเดือนก.พ.

- หุ้นปันผลเด่น BAFS CRD FTE GLOW KKP NYT SIS SPRC TISCO QH PDI PL AIT AP KIAT

- หลีกเลี่ยงกลุ่มยางพาราและกลุ่ม NGV ราคายางพาราปรับตัวลง 6%WTD สู่ 175เยน/KG / ยอดใช้ NGV หดตัว 5.8% ใน 1Q61

หุ้นแนะนำพิเศษ

SYNTEC Analyst Meeting คาดกำไรปกติหดตัวแต่กำไรสุทธิเติบโตจากการขายที่ดิน

- ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จากการก่อสร้างปี 61 เติบโต 5% สู่ 9.1 พันล้านบาท และตั้งเป้ารายได้จากการบริการเติบโตสู่ 530 ล้านบาทเติบโต 10% เนื่องจากมี service apartment ใหม่จำนวน 177 ห้องที่จะเริ่มดำเนินงานใน 3Q18 ช่วยหนุนรายได้ แต่อัตรากำไรขั้นต้นอาจปรับตัวลงจาก 21% สู่ 15-20% เนื่องจากราคาเหล็กปรับตัวขึ้นและถูกผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในเดือนเม.ย. ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) 1.1 หมื่นล้านบาท และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีกราว 1.0-1.2 หมื่นล้านบาทในปี 61

- ปี 61 คาดมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดินแถวรามอินทรา 55 ไร่คาดว่าจะบันทึกกำไรราว 150-200 ล้านบาท อีกทั้งมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกราว 70 ล้านบาทช่วยลดค่าใช้จ่ายทางภาษีราว 14 ล้านบาทช่วยหนุนกำไรสุทธิเพิ่มเติม นอกจากนี้บริษัทได้สิทธิในการเช่าพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพัทยาเพื่อสร้างโรงแรมระดับ 3.5 ดาวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 63 ช่วยหนุนรายได้จากการบริการเพิ่มเติม

- ความเห็น เราคาดว่ากำไรปกติมีโอกาสหดตัวลงจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลง ขณะที่รายได้เติบโตช้าลงเหลือ 5% จากปีก่อนที่เติบโตมากถึง 14% อีกทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้นตามจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นคอยกดดันผลประกอบการเพิ่มเติม เราจึงแนะนำเพียง “ถือ”

หุ้นมีข่าว   

·        HMPRO (ราคาปิด 14 Bloomberg Consensus 14.85) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโตไม่น้อยกว่า 5% ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่คาดจะเติบโตเฉลี่ย 3-4% ต่อสาขา และการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติมอีก ปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาโฮมโปร S เป็นหลัก 8 สาขาในพื้นที่กรุงเทพ และโฮมโปรอีก 1-2 สาขา งบลงทุน 6-6.5 พันล้านบาทโดยเน้นเปิดสาขาตามหัวเมืองใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง  การขยายสาขาในมาเลเซียปีนี้ยังไม่มี ขอรอดูารเติบโตในทิศทางที่ดีก่อน บริษัทยังคงมองโอกาสขยายธุรกิจไปยังประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมุ่งเน้นที่ประเทศมาเลเซียก่อน เริ่มเห็นการลงทุนมากขึ้นของประชาชนในพื้นที่กทม.เนื่องจากสาขาที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อแนวโน้มยอดขายใน 1Q61 น่าจะดีกว่า 1Q60 แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับ 4Q60 (ที่มา อินโฟเควสท์)

·        ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ HMPRO การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วสนับสนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 5.6 พันล้านบาท +14% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 38 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 36 เท่า แนะนำ ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

·        SAWAD Analyst Meeting

·         ปี 60 เป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างธุรกิจ ปัจจุบัน SAWAD มีสถานะเป็นโฮลดิ้ง ถือหุ้น BFIT 36.35% ให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกันรถยนต์ ซึ่งมีการโอนย้ายพอร์ตเดิมโอนย้ายมาเกือบหมด และบ.ย่อยทำธุรกิจสินเชื่อแบบหลักประกันรถจักรยานยนต์ (คิดอัตราดอกเบี้ย effective rate ไม่เกิน 15%) และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 36%)  ปี 60 SAWAD มีรายได้รวม 7 พันลบ. +31% คชจ.หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ +158%  กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,715 ลบ. +35%

·        ปี 61 ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อของกลุ่ม  20-30% คาดต้นทุนการเงินในปี 61 จะลดลงจากการระดมเงินทุนผ่านการออกหุ้นกู้ของ BFIT ที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดอันดับเครดิต ชดเชยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น  อนาคตจะขยายฐานธุรกิจสู่ CLMV โดยเพิ่งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในกัมพูชา

·        ความเห็น SAWAD เป็นผู้ประกอบการ non-bank ที่มี downside risk จากกฏระเบียบ อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของสินเชื่อที่ได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินเชื่อของคนที่อาศัยในพื้นทีต่างจังหวัดและไม่สามารถเข้าถึงการกู้เงินของธนาคาร ราคาหุ้นที่ปรับลงจากความกังวลว่า yield อาจลดต่ำลงหลังจากถูกกำหนดเพดานเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้เป็นโอกาสในการทยอยซื้อสะสม ทั้งนี้ บริษัทกำหนดจ่ายหุ้นปันผล 18:1 และจ่ายเงินสด 0.007 บาท XD 3 พ.ค. คาดราคาหลัง XD มี dilute 5%

·        +PRM เข้าซื้อธุรกิจขนส่งน้ำมันทางทะเล"บิ๊กซี"ราคารวม 2.9 พันลบ. โดยจ่ายเป็นเงินสด

·        +PPS เจรจาประมูลงานที่ปรึกษาก่อสร้างภาคเอกชน 2-3 โครงการมูลค่า 100 ลบ.รู้ผล มี.ค.-เม.ย.นี้ คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20%