โกงเงินคนไร้ที่พึ่งลามข้ามปี

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.61 เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท.) พ.ต.ท. วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง อำเภอแม่ออน ตามพระราชดำริ จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนในปีงบประมาณ 2561 จำนวน 23,747,000 บาท ซึ่งตำบลดังกล่าวมีประชากรเพียง 3,321 คน แต่กลับได้เงินงบประมาณอุดหนุนกว่า 23 ล้านบาท. ผลการตรวจสอบพบความผิดปกติ ดังนี้

1. แบบสำรวจข้อมูลผู้ประสบปัญหาทางสังคม มีการลบข้อมูลที่เคยกรอกไว้แล้วนำแบบฟอร์มไปสำเนาเพื่อนำมากรอกข้อมูลส่วนตัวชาวบ้าน โดยไม่มีการระบุรายละเอียดอย่างครบถ้วน. 2. เอกสารใบสำคัญรับเงิน (แบบ 5) เมื่อตรวจสอบด้วยตาเปล่า เปรียบเทียบกันจำนวนหลายฉบับพบว่า มีลายมือที่เป็นของบุคคลเพียง 2-3 คนเท่านั้น ที่คล้ายคลึงกันในการกรอกข้อมูล และลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงิน 3. เอกสารประกอบการเบิกจ่ายส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ไม่มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับเงินสงเคราะห์ 4. สำเนาทะเบียนบ้านที่แนบเอกสารประกอบการเบิกจ่าย เป็นเอกสารที่เก่า ปรากฏข้อมูลเป็นกิ่งอำเภอแม่ออน

หลังจากนั้น พล.ต.อ.จรัมพร ลงพื้นที่ต.แม่ทา อ.แม่ออน ซึ่งมีประชากร จำนวน 4,558 คน เฉพาะส่วนตำบลแม่ทา หมู่ที่ 1-7 ปรากฏรายชื่อตามฎีกาเบิกจ่ายเงินที่ 13 มีรายชื่อผู้ได้รับเงินสงเคราะห์ จำนวน 537 ราย เป็นเงิน 1,611,000 บาท โดยเริ่มต้นสอบถามข้อมูลที่ หมู่ที่ 1 บ้านท่าม่อน ปรากฏรายชื่อกำนันตำบลแม่ทา เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ดังกล่าวด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลกำนัน ซึ่งให้การยืนยันว่า ลายมือชื่อที่ปรากฏในใบสำคัญรับเงิน ไม่ใช่ลายมือชื่อของตน และตนไม่เคยได้รับเงิน จำนวน 3,000 บาท ตามที่ปรากฏตามเอกสาร อีกทั้งกำนันตำบลแม่ทายังตรวจสอบรายชื่อลูกบ้านทั้งหมดแล้วยังยืนยันว่า ลูกบ้านบางรายมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศแต่กลับมีชื่อเป็นผู้รับเงินสงเคราะห์

ต่อจากนั้น จึงได้มีการขยายผลไปตรวจสอบข้อมูลที่หมู่ 5 ซึ่งเป็นที่ตั้งอบต.แม่ทา โดยนายกอบต.แม่ทา ให้ข้อมูลว่า ในปี 2560 มีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ประสานงานโครงการบ้านสหกรณ์สันกำแพงฯ ประสานให้ คัดเลือกรายชื่อผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่ง จำนวน 100 คน เพื่อมอบเงินช่วยเหลือให้แก่บุคคลทั้ง 100 ราย แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลที่มีการเบิกจ่ายแล้วกลับมีรายชื่อชาวบ้านในพื้นที่จำนวน 537 ราย ที่กลายเป็นผู้ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ

นอกจากนี้ในกานลงพื้นที่ หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 ของตำบลแม่ทา ประชาชนร้อยละ 90 ให้ถ้อยคำยืนยันว่า ลายมือชื่อที่ปรากฏในเอกสารใบสำคัญรับเงิน ไม่ใช่ลายมือชื่อของตน อีกทั้งตนเองไม่เคยได้รับเงินสงเคราะห์รายละ 3,000 บาท