(สกู๊ป) “ไท่ ซื่อ อิง”ราชินีแห่งวงการขนไก่โลกคนใหม่

(สกู๊ป) “ไท่ ซื่อ อิง”ราชินีแห่งวงการขนไก่โลกคนใหม่

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับแบดมินตันระดับซูเปอร์พรีเมียร์ อย่าง “ออล อิงแลนด์ 2018” ซึ่งผลปรากฏว่าผู้ที่คว้าแชมป์ไปครองในประเภทหญิงเดี่ยว คือ ไท่ ซื่อ อิง มือ 1 ของโลก

    สำหรับแฟนๆของกีฬาแบดมินตัน คงจะคุ้นชื่อของนักแบดมินตันหญิงผู้นี้เป็นอย่างดี เนื่องจากในช่วงหลังเจ้าตัวเป็นคู่ปรับของ รัชนก อินทนนท์ ขนไก่หญิงมือ 1 ของไทยมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดคือรายการ มาเลเซีย มาสเตอร์ส 2018 ที่ “น้องเมย์” เอาชนะไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ
    โดยหากเทียบฝีมือกันปอนด์ต่อปอนด์จริงๆต้องยอมรับว่า ไท่ ซื่อ อิง คือนักแบดมินตันหญิงที่เก่งที่สุดในโลกขณะนี้ ด้วยการกวาดแชมป์ไปแล้วถึง 15 รายการ จนได้รับฉายาว่า “ราชินีคนใหม่” แห่งวงการขนไก่โลกเวลานี้

ดาวโรจน์แห่งวงการ
     สำหรับ ไท่ เริ่มต้นการเล่นแบดมินตันครั้งแรกตั้งแต่อยู่เกรด 3 โดยมีคุณพ่อซึ่งเป็นนักดับเพลิง รวมถึงสมาคมแบดมินตันแห่งเมืองเกาสงให้การสนับสนุน และเริ่มลงแข่งขันในระดับประเทศ โดยไต่ระดับไปตั้งแต่ดิวิชั่น 2 จนถึง ดิวิชั่น 1 ซึ่งเธอสามารถกวาดแชมป์มาได้ทั้งหมด
    และในปี 2011 เจ้าตัวได้ลงแข่งขันในการจัดอันดับของประเทศ ซึ่งผลปรากฏว่าเธอก็สามารถคว้าอันดับ 1 มาครองด้วยวัยเพียง 16 ปี 6 เดือน และกลายเป็นนักแบดมินตันอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของไต้หวันที่ยึดมือ 1 ในประเทศ
     โดย ไท่ มีสไตล์การเล่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากเธอมีความหลากหลายในการตีแต่ละลูกซึ่งคู่แข่งไม่สามารถคาดเดาได้ พร้อมมีลูกแบ็คแฮนด์ และลูกตบเป็นจุดเด่นซึ่งเคยมีสถิติบันทึกไว้ว่าลูกตบที่แรงที่สุดของเธอมีความเร็วถึง 360 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
    นอกจากนั้นแล้วเธอยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลต่อการเล่นแบดมินตันอย่างมากเนื่องจากกีฬาดังกล่าวต้องใช้พลังงานอย่างสูงในการตีลูก และวิ่งไปทั่วพื้นที่ตลอดช่วงเวลา 2 เกม

สู่ระดับนานาชาติ
     โดยก่อนหน้าที่เธอจะครองมือ 1 ของไต้หวัน เธอก็ได้เริ่มไปชิมลางในการแข่งขันระดับนานาชาติมาประปราย เริ่มตั้งแต่ในรายการ เวียดนาม โอเพ่น เมื่อปี 2009 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จใดๆ จนกระทั่งในปี 2012 ไท่ ในวัย 17 ปี ก็สามารถคว้าแชมป์ในระดับซูเปอร์ ซีรีส์ ได้เป็นครั้งแรกในรายการ เจแปน โอเพ่น และกลายเป็นนักแบดมินตันหญิงอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์อันดับ 3 ของวงการรองจาก รัชนก อินทนนท์ (ไทย) และอากาเนะ ยามากูชิ (ญี่ปุ่น) ที่คว้าแชมป์ในรายการระดับดังกล่าวมาครอง
     หลังจากนั้นฟอร์มการเล่นของเธอก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ ไทเป โอเพ่น ในปี 2012 พร้อมมีโอกาสเข้าไปเล่นในศึก ซูเปอร์ ซีรีส์ มาสเตอร์ส ไฟนอล ในปี 2013 ซึ่งเธอสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายไปพ่ายต่อ หลี่ เสี่ยวเร่ย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกปี 2012 จากจีน แต่นั่นก็เพียงพอให้เธอได้รับการจับตามองอย่างมากในวงการขนไก่โลก
     และในปีต่อมา เธอก็ได้มีโอกาสติดทีมชาติเป็นครั้งแรก พร้อมพาทีมชาติไต้หวันคว้าเหรียญทองแดง ซึ่งเป็นการได้เหรียญในการแข่งขันระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกของไต้หวัน เท่านั้นยังไม่พอ ไท่ ยังสามารถคว้าแชมป์ ซูเปอร์ ซีรีส์ ไฟนอล 2014 ซึ่งถือเป็นรายการที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีด้วยการเอาชนะ ซอง จี ฮยอน ขนไก่จากเกาหลีใต้ 21-17 และ21-12

ราชินีแห่งวงการขนไก่โลกคนใหม่
    หลังจากปี 2014 ซึ่งเธอเดินหน้าคว้าแชมป์อย่างมากมาย และกลายเป็นดาวรุ่งที่ยากจะต่อกร ถึงกระนั้นในปี 2015 ไท่ กลับฟอร์มตกลงไปเฉยๆ เนื่องจากเธอไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดๆมาครองได้เลย โดยผลงานที่ดีที่สุดคือการเป็นรองแชมป์ของรายการ สิงคโปร์ โอเพ่น
     มาถึงปี 2016 ไท่ ในวัย 21 ปีกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งด้วยการเข้าชิงชนะเลิศได้ถึง 3 รายการ คือ มาเลเซีย โอเพ่น, อินโดนีเซีย โอเพ่น และเดนมาร์ก โอเพ่น จนกระทั่งในรายการ ฮ่องกง โอเพ่น เธอก็ทะลุถึงรอบชิงดำได้อีกครั้งด้วยการพบกับ พี.วี. สินธุ เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก 2016 จากอินเดีย ซึ่งขนไก่จากไทเป ก็โชว์ผลงานด้วยการเอาชนะไปได้ 2 เกมรวด 21–15 และ 21–17 ซึ่งจากผลงานดังกล่าวทำให้เธอขยับขึ้นมาครองมือ 1 ของโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของอาชีพ
     และหลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 67 สัปดาห์ ไท่ ยังไม่เคยลงมาจากบัลลังก์มือ 1 ของโลกอีกเลย เพราะเธอสามารถกวาดแชมป์มาครองได้อีก 8 รายการ ด้วยสถิติ ชนะ 234 เกม แพ้ 121 เกม แม้จะมีคู่แข่งที่เป็นถึงขนไก่ระดับตำนานอย่าง คาโรลิน่า มาริน (สเปน) และ ไชน่า เนห์วาล (อินเดีย) รวมถึงสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเธอเหนือกว่าคู่แข่งในอายุใกล้ๆกันอย่าง ซุน หยู (จีน), รัชนก อินทนนท์ (ไทย) และอากาเนะ ยามากูชิ (ญี่ปุ่น) จึงไม่น่าแปลกใจว่าเธอจะขึ้นมาเป็นราชินีคนใหม่ของวงการ และอีกไม่นานเชื่อว่าคำเธอได้รับมอบคำว่า “ตำนาน” อีก 1 คนของศึกแบดมินตันโลกอย่างแน่นอน

     สำหรับ ไท่ ซื่อ อิง คือนักกีฬาคลื่นลูกใหม่ที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าคำว่า “อายุ” ไม่มีความสำคัญกับการเล่นกีฬาอาชีพเนื่องจากเธอประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เรื่องความสามารถ และความพยายามต่างหากที่เป็นกลไกสู่ชัยชนะ